เนอวานา ไดอิเล็งครึ่งปีหลังเปิดตัว5โครงการใหม่

เนอวานา ไดอิเล็งครึ่งปีหลังเปิดตัว5โครงการใหม่

‘เนอวานา ไดอิ’เผยครึ่งปีหลังเปิดตัว5โครงการใหม่ ปรับกลยุทธเพื่อบริหารจัดการต้นทุนและราคาสินค้าสอดคล้องกำลังซื้อเน้นบ้านเดี่ยว-ทาว์นโฮมระบุผลงานครึ่งปีแรกผ่านมาฉลุยหลังขายที่ดินบางส่วนบนถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ทำให้มีกระแสเงินสดในการพัฒนาโครงการ

นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ครึ่งปีแรก  เนอวานา สามารถผ่านมาได้ค่อนข้างดี จากการที่มีสินทรัพย์ที่มีคุณภาพและยอด Backlog ณ สิ้นปี 2564 ที่แข็งแกร่ง การขายที่ดินบางส่วนบนถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่และการปรับโครงสร้างการใช้ประโยชน์ของสินทรัพย์ ตั้งแต่ไตรมาส 1/2565 ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดสำหรับการซื้อที่ดินใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อเติมเต็ม Backlog อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จะเป็นการลงทุนอย่างระมัดระวัง เน้นโครงการที่ขายได้และโอนได้ โดยเรามีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 5 โครงการ เพื่อให้การใช้เงินลงทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 ทั้งนี้บริษัทได้ปรับกลยุทธเพื่อบริหารจัดการต้นทุนและราคาสินค้าให้เหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทั้งกลยุทธทางด้าน Product mix เพื่อรักษาระดับราคาที่แข่งขันได้ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาสินค้าให้ครบทุกเซกเมนต์

โดยมีแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยวในเซกเมนต์ใหม่อีก 3 โครงการ ที่บริษัทยังมีโอกาสทำการตลาดได้เพิ่ม คือบ้านเดี่ยวในระดับราคา 11-18 ล้านบาท และเปิดโครงการใหม่สำหรับสินค้าที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เช่น ทาว์นโฮมภายใต้แบรนด์ Nirvana DEFINE เพิ่มอีก 2 โครงการ เพื่อให้บริษัทยังคงบรรลุเป้าหมายการเติบโตของปีนี้

ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 ว่า บริษัทรับรู้รายได้รวมทั้งสิ้น 758 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก 795  ล้านบาท ในไตรมาส 2/2564 ในขณะที่กำไรรวมอยู่ที่ 51 ล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างมีนัยจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการบันยันทรี เรสซิเดนท์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ มากกว่า 400 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือเพนท์เฮาส์ยูนิตเดียวบนชั้นสูงสุดของโครงการที่มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 840 ตารางเมตร ประกอบกับการโอนกรรมสิทธิ์โครงการบ้านแนวราบในส่วนที่เหลือ

โดยรายได้ในไตรมาสสองมาจาก 2 ส่วน คือ 1รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 666 ล้านบาท และ 2 รายได้จากสัญญาก่อสร้าง 92 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากสัญญาก่อสร้างบ้านในโครงการแบบ Turnkey Solution และสัญญาก่อสร้างกับลูกค้าองค์กรภายนอก

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 1,847 ล้านบาท เติบโต 20% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และกำไรเบ็ดเสร็จรวมคิดเป็น 212 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 201% โดยอัตรากำไรโดยรวมปรับตัวดีขึ้นจาก 34% เป็น 37%

“ผลการดำเนินงานของเรายังแข็งแกร่งต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปี และยังมีปัจจัยเรื่องสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการก่อสร้างและแรงงานที่กำลังปรับตัวสูงขึ้น " นายศรศักดิ์ กล่าว