แกว่งตัวเชิงบวก แม้อาจผันผวนตามตัวเลขเศรษฐกิจระยะสั้นบ้าง

แกว่งตัวเชิงบวก แม้อาจผันผวนตามตัวเลขเศรษฐกิจระยะสั้นบ้าง

ภาพรวมตลาดเป็นบวกมากขึ้นและระยะสั้นอาจแกว่งตามข้อมูลทางเศรษฐกิจ บรรยากาศลงทุนโดยรวมปรับดีขึ้นหลังหลังเข้าสู่ช่วงท้ายของการประกาศผลประกอบการ แรงกดดันของผลประกอบการไม่สูงดังที่ตลาดกังวล

สำหรับหุ้นไทย ผลประกอบการไตรมาส 2/65 (เท่าที่มีการรายงานออกมา) น่าจะเติบโตขึ้น 25-30% YoY โดยมีบจ.ที่กำไรดีขึ้นราว 40% ทรงตัว 20% และแย่ลง 40% แม้จะมีบจ.ที่รายงานผลการดำเนินงานขาดทุนราว 20% แต่เป็นบริษัทขนาดเล็กเป็นส่วนใหญ่ และราคาหุ้นหลายตัวตอบรับไปแล้วล่วงหน้า ทำให้เมื่อพ้นช่วงของการรายงานผลประกอบการ หุ้นหลายตัวมีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นบรรยากาศลงทุนอาจแกว่งตัวตามข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เข้ามากระทบ โดยไทยรายงาน GDP ไตรมาส 2/65 วันนี้ Bloomberg concensus คาด +0.9% QoQ และ +3.1% YoY (จากไตรมาสก่อนที่ +1.1% QoQ และ +2.2% YoY)

 

ภาพรวมผลประกอบการบางกลุ่มที่น่ากล่าวถึง ได้แก่ / ประกันภัย - กำไรไตรมาส 2/65 ของหลายบริษัทชะลอลง เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเคลมประกันรถยนต์ ประกันโควิด รวมถึง กำไรจากการลงทุนที่ลดลงตามภาวะตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามมีโอกาสที่จะเป็นจุดต่ำสุด และน่าจะเห็นการทยอยฟื้นดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง / โรงไฟฟ้า – กำไรไตรมาส 2/65 ชะลอตัวลงแม้เป็นช่วง high season เนื่องจาก 1) ผลของต้นทุนค่าก๊าซที่สูงขึ้น 2) ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน (FX Loss) เนื่องจากเงินบาทที่อ่อนค่ากระทบหนี้สกุลต่างประเทศที่มีจากการไปลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ภาพรวมผลประกอบการน่าจะทยอยดีขึ้นจากการปรับขึ้นค่า Ft อย่างไรก็ตาม ตลาดเองก็รับรู้ปัจจัยดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว 
 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN  5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CPALL, SCGP, TOP, RATCH, CRC, CPF, RS, SC, TH

 

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวเชิงบวก แนวรับ 1,610 โดยมีกรอบบน 1,630-1,650 จุด SET เป็นบวกตราบใดไม่หลุด 1,577-1,585 จุด ภาพใหญ่เน้นเลือกซื้อ กลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก) สำหรับ DR หุ้นจีน ทยอยสะสม   //หุ้นแนะนำ:  CPF*, VRANDA*, OR*, THANI

แนวรับ: 1,610 / แนวต้าน : 1,630 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 


 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 2 สัปดาห์ติด – เพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 262,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 263,000 ราย

สหรัฐเผยดัชนี PPI -0.5% ในเดือนก.ค. สวนทางคาดการณ์ +0.2% – ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวลง 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2% 

สภาสหรัฐอนุมัติกฎหมายลดเงินเฟ้อ – ร่างกฎหมาย (Inflation Reduction Act) ได้ถูกส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ขณะที่พรรครีพับลิกันคัดค้านอย่างมากต่อร่างกฎหมายนี้ โดยระบุว่าการเพิ่มภาษีจะสร้างภาระให้กับภาคธุรกิจและแรงงาน และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

Saudi Aramco กำไรพุ่ง 90% ใน 2Q22 หนุนโดยราคาน้ำมันพุ่ง – บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่รายงานกำไรสุทธิใน 2Q22 ที่ $48.4 พันล้าน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ $25.5 พันล้าน และมากกว่าคาดที่ $46.2 พันล้าน

Tesla ผลิตรถยนต์แล้วมากกว่า 3 ล้านคัน –โดยเป็นการผลิตจากโรงงานในเซี่ยงไฮ้มากกว่า 1 ล้านคัน ขณะที่ใน 2Q22 ส่งมอบแล้ว 254,695 คัน (+26.5% yoy) อย่างไรก็ตาม การส่งมอบของ Tesla ยังน้อยอยู่ เมื่อเปรียบเทียบกับ Toyota ที่ส่งมอบรถยนต์มากกว่า 10 ล้านคันในปี 2021 ทั้งนี้ Tesla ตั้งเป้าส่งมอบปีนี้เพิ่มขึ้น 50%       

KBANK เข้าคำนวณ MSCI มีผล 31 ส.ค. – ส่วน BAM ยังไม่หลุดการคำนวณรอบนี้

GULF กำไรปกติโตเท่าตัว บุ๊กรายได้ไอพีพี-INTUCH – กำไรจากการการดำเนินงาน ใน 2Q22 อยู่ที่ 3,081 ลบ. โต 120% บันทึกรายได้โรงไฟฟ้า GSRC รวม 1,987.5 เมกะวัตต์ และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH 1,172 ลบ.

Opportunity day – 15 ส.ค. – HENG, THRE, CMO, TKC, SMT, SNNP, TFM, SPRC, TSE, SAK, KEX, GLOBAL, INTUCH, IVL / 16 ส.ค. – TCMC, BEYOND, TASCO, NCAP, SAWAD, COM7, ASW, CHAYO, TTA, ERW, RS, AMANAH, STC / 17 ส.ค. – TPBI, NRF, SFT, TRV, ASIAN, PR9, FSMART, BGC, TKN, CPN+GLAND, GC, CPNREIT+CPNCG, BEM, SKN

 

ประเด็นติดตาม: 16 ส.ค. - US Building Permits / 17 ส.ค. – US Retail Sales / 18 ส.ค. – EU CPI, US Existing Home Sales / 23 ส.ค. – US New Home Sales / 24 ส.ค. - US Pending Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)