ท่องเที่ยวไทยไปได้สวย อย่าลืมรับมืออากาศแปรปรวน

ท่องเที่ยวไทยไปได้สวย อย่าลืมรับมืออากาศแปรปรวน

รัฐบาลการ์ดอย่าตกถ้าจะมุ่งใช้การท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขอให้คำนึงถึงคุณภาพมากกว่าปริมาณ พร้อมกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีก้าวหน้าให้ทันต่อโลก

นับเป็นข่าวน่าใจชื้น ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมระหว่างวันที่ 1 ม.ค.- 30 เม.ย. 2567 (4 เดือน) รวมทั้งสิ้น 12,127,447 คน สร้างรายได้สะสมให้กับประเทศเป็นมูลค่า 583,902 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรกมาจาก ประเทศจีน จำนวน 2,351,909 คน, ประเทศมาเลเซีย จำนวน 1,569,856 คน, ประเทศรัสเซีย จำนวน 767,210 คน , ประเทศเกาหลีใต้ จำนวน 679,481 คน และประเทศอินเดีย จำนวน 643,587 คน ถ้าดูตัวเลขสะสมถึงวันที่ 5 พ.ค. รวมทั้งสิ้น 12,588,825 คน

นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน มีนโยบายมาตั้งแต่แรกเรื่องการทำให้ไทยเป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยว (Tourism Hub) ซึ่งการจะเป็นอย่างที่หวังได้ต้องอาศัยการบูรณาการในหลายภาคส่วน ตั้งแต่สนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทำการตลาดเชิงรุก ลดอุปสรรคการท่องเที่ยว ยกเลิกการตรวจลงตรา  

อีกหนึ่งเทรนด์ที่ไทยมุ่งมั่น คือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health and Wellness Tourism) ซึ่งตลาดตะวันออกกลางถือเป็นตลาดใหญ่เหมาะกับเทรนด์นี้ พอเหมาะพอดีกับจังหวะที่ดร.มาญิด บิน อับดุลเลาะฮ์ อัลกอเศาะบี (H.E. Dr. Majed Bin Abdullah Alkassabi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ซาอุดีอาระเบียนำคณะกว่าเก้าหน่วยงานมาเยือนไทย ด้วยมองว่า ไทยมีความสำคัญ เป็นยุทธศาสตร์สำหรับซาอุดีอาระเบีย ที่ต้องพัฒนาเศรษฐกิจและความร่วมมือในอนาคต 

ปัจจุบันซาอุดีอาระเบีย เน้นการพัฒนาด้านสาธารณสุข เนื่องจากมีความจำเป็นต่อชีวิตมนุษย์ จึงพยายามส่งเสริมด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียยังให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จึงอยากมาดูการพัฒนาของไทย เพราะมีประสบการณ์ด้านนี้มาอย่างยาวนาน เพื่อนำไปพัฒนาปรับใช้ในซาอุดีอาระเบียต่อไป 

ใช่แต่คนไกลเท่านั้นที่ชื่นชมความสามารถด้านการท่องเที่ยวของไทย คุยกับดาตุ๊ก โจจี ซามูเอล (H.E. Datuk Jojie Samuel) เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยในงานเทศกาลอาหารปีนังเมื่อวันก่อน ท่านทูตกล่าวว่า อาหารและวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือแรกของการทูตซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งไทยโด่งดังมากในด้านนี้

ช่วงปลายเดือน พ.ย. 2566 ตอนที่นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม มาเยือนด่านสะเดา และได้พบกับนายกฯ เศรษฐาของไทย ผู้นำทั้งสองได้หารือเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน เมื่อเร็วๆ นี้ผู้นำไทยเสนอนโยบายหกประเทศ หนึ่งวีซ่าที่จะเป็นประโยชน์ต่อไทยรวมถึงมาเลเซียและภูมิภาค นายกฯ มาเลเซียจึงสนับสนุนนโยบายนี้เต็มที่ 

เห็นท่าทีของทั้งซาอุดีอาระเบียและมาเลเซีย รวมถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวล่าสุดถือเป็นข้อมูลบวก แต่รัฐบาลการ์ดอย่าตกถ้าจะมุ่งใช้การท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขอให้คำนึงถึงคุณภาพมากกว่าปริมาณ พร้อมกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีก้าวหน้าให้ทันต่อโลก และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่จะมีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว โลกร้อนบทน้ำจะแล้งก็แล้งจัด บทน้ำจะท่วมก็ท่วมใหญ่ ปรากฏการณ์ธรรมชาติเช่นนี้กระทบกับทุกชีวิตและกระทบการท่องเที่ยวแน่นอน รัฐบาลเตรียมรับมือให้ดี