‘เศรษฐา’ นำทีมเวิร์กช็อปใหญ่ 15 มี.ค.นี้ ปั้นไทยสู่ ‘ฮับการท่องเที่ยวโลก’

‘เศรษฐา’ นำทีมเวิร์กช็อปใหญ่ 15 มี.ค.นี้ ปั้นไทยสู่ ‘ฮับการท่องเที่ยวโลก’

‘เศรษฐา’ นำทีมเวิร์กช็อปใหญ่ ปั้นไทยสู่ ‘ฮับการท่องเที่ยวโลก’ ร่วมกับหน่วยงานรัฐและเอกชนกว่า 60 หน่วยงาน ในวันที่ 15 มี.ค.นี้ ตอบโจทย์ 4 มาตรการ โปรโมตซอฟต์พาวเวอร์ ดึงเทศกาลระดับโลก มาตรการวีซ่าฟรี แก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคท่องเที่ยว

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เพื่อตอบโจทย์ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภายใต้วิสัยทัศน์ประเทศไทย “IGNITE THAILAND” ต้องการให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของโลก” (Tourism Hub) และสอดรับกับการสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็น “ศูนย์กลางการบินของโลก” (Aviation Hub) 

ในวันที่ 15 มีนาคม 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ หรือ เวิร์กช็อป หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทั้งสิ้น 60 หน่วยงานเพื่อตอบโจทย์ 4 มาตรการ ที่ช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทยได้อย่างก้าวกระโดด โดยนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมด้วย

‘เศรษฐา’ นำทีมเวิร์กช็อปใหญ่ 15 มี.ค.นี้ ปั้นไทยสู่ ‘ฮับการท่องเที่ยวโลก’

 

สำหรับ 4 มาตรการที่จะตั้งเป็นโจทย์ให้หารือกัน ประกอบด้วย 

1. เมืองหลักและเมืองรองต้องเป็นเมืองท่องเที่ยว เฟ้นหาซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เพื่อหาเสน่ห์ของประเทศไทย โดยต้องหาจุดขายที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดและความต้องการของนักท่องเที่ยว ทำให้การเดินทางเข้าถึงที่สะดวกและปลอดภัย มีการบริหารจัดการนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งต้องเตรียมพร้อมระบบด้านสาธารณูปโภคและการบริหารจัดการที่ดี

‘เศรษฐา’ นำทีมเวิร์กช็อปใหญ่ 15 มี.ค.นี้ ปั้นไทยสู่ ‘ฮับการท่องเที่ยวโลก’

2. การสนับสนุนให้มีเทศกาลระดับโลก ประเทศไทยจะไม่หลับใหล จะมีงานเทศกาล งานคอนเสิร์ต งานศิลปะ งานแสดงสินค้าในประเทศไทยตลอดทั้งปี และส่งเสริมสนับสนุนให้มีการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ เป็นเม็ดเงินลงทุนหลักแสนล้านบาท

 

3. ผลักดันการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะต้องมีการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ วีซ่าฟรี (VISA-FREE) ให้นักท่องเที่ยว เช่น ที่รัฐบาลเริ่มดำเนินการแล้วกับนักท่องเที่ยวจีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน เพื่อเปิดประตูรอรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเฉพาะประชากรจากชาติดังกล่าวรวมกันมีมากถึง 2,900 ล้านคน

โดยแนวทางการขับเคลื่อนต้องบริหารการจัดการโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมมีมาตรฐานและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ มีการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางเข้า-ออกประเทศ มีการบริหารจัดการกระแสการเดินทางที่ไม่ทำให้เกิดการกระจุกตัว ไม่ส่งผลกระทบต่อคนและสิ่งแวดล้อม และการนำเสนอและบริหารภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยที่ปลอดภัย มีคุณค่าและยั่งยืน

‘เศรษฐา’ นำทีมเวิร์กช็อปใหญ่ 15 มี.ค.นี้ ปั้นไทยสู่ ‘ฮับการท่องเที่ยวโลก’

4.การแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว  ปรับเวลาเปิดสถานบริการ ปรับเปลี่ยนเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สนับสนุนการเฉลิมฉลองในสนามกีฬา ซึ่งจะต้องรับฟังความเห็นจากนักท่องเที่ยวและผู้เกี่ยวข้อง ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายในการป้องกันการแก้ไขปัญหาพร้อมบังคับใช้กฎหมายการหลอกหลวง และมีการช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวด้วย

“4 แนวทางดังกล่าวจะต้องมีการติดตามความเห็นของนักท่องเที่ยวต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวในไทยผ่านช่องทางต่างๆ ที่สำคัญต้องเตรียมความพร้อมของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งปริมาณและคุณภาพ โดยเมื่อได้เวิร์กช็อปและจัดทำแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะประกาศแผนเดินหน้าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลก ภายในเดือนมีนาคมนี้” รมว.การท่องเที่ยวฯ กล่าว

‘เศรษฐา’ นำทีมเวิร์กช็อปใหญ่ 15 มี.ค.นี้ ปั้นไทยสู่ ‘ฮับการท่องเที่ยวโลก’

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้รับเกียรติจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมชมคูหาประเทศไทยของ ททท. ในงาน ITB 2024 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี พร้อมพบปะผู้ประกอบการภาคเอกชนที่เข้าร่วมงาน

นายกฯ ได้เป็นประธานจัดงาน "The Amazing Thailand Networking Event with the Prime Minister of Thailand" ณ อาคาร City Cube Berlin กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เพื่อแสดงวิสัยทัศน์และแถลงนโยบายการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวของไทยกับกลุ่มประเทศอาเซียน ให้แก่ สื่อมวลชน บริษัทนำเที่ยว และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและพันธมิตรท่องเที่ยวในตลาดยุโรป ร่วม 200 คน 

ถือเป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยเข้าร่วมในงานนี้ เนื่องจากรัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างมหาศาล และให้ความสำคัญกับอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย

นายเศรษฐา กล่าวว่า การเข้าร่วมงาน ITB Berlin 2024 นี้เป็นการมาร่วมงานครั้งแรก และเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

"สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยได้ตั้งเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2567 สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 3.5 ล้านล้านบาท ขณะที่ตลาดยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง ททท.ได้ตั้งเป้านักท่องเที่ยวจำนวน 8.5 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 664,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินนโยบาย Ease of Traveling เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว นักธุรกิจในการเดินทางมาสู่ประเทศไทย"

ภายในกิจกรรม ททท. ได้เปิดตัวแนวคิดในการโฆษณาประชาสัมพันธ์สำหรับตลาดต่างประเทศ "Amazing Thailand : Your Stories Never End" นำเสนอเรื่องราวที่บอกเล่าอย่างไม่รู้จบ ผ่านการส่งต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย

นับเป็นการต่อยอดแนวคิดทางการสื่อสารการตลาดท่องเที่ยวสำหรับตลาดต่างประเทศที่มุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่มีความหมายต่อตนเอง สังคม ผู้คนรอบข้าง และสิ่งแวดล้อม จากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย (Meaningful Travel) และเกิดเป็นความทรงจำ ความประทับใจที่มีคุณค่าและไม่อาจลืมเลือนได้ (Unforgettable Experience) นำเสนอสินค้าบริการทางการท่องเที่ยวและประสบการณ์ต่างๆ ในประเทศไทยผ่านเรื่องราวที่แสดงให้นักท่องเที่ยวเห็นว่าทุกการเดินทางมาเมืองไทยไม่ได้จบลงที่แค่การได้มายังประเทศไทย แต่ยังคงเป็นเรื่องราวความประทับใจอยู่ในความทรงจำที่พร้อมจะถูกบอกเล่าต่อไปอย่างไม่รู้จบ

‘เศรษฐา’ นำทีมเวิร์กช็อปใหญ่ 15 มี.ค.นี้ ปั้นไทยสู่ ‘ฮับการท่องเที่ยวโลก’

‘เศรษฐา’ นำทีมเวิร์กช็อปใหญ่ 15 มี.ค.นี้ ปั้นไทยสู่ ‘ฮับการท่องเที่ยวโลก’

‘เศรษฐา’ นำทีมเวิร์กช็อปใหญ่ 15 มี.ค.นี้ ปั้นไทยสู่ ‘ฮับการท่องเที่ยวโลก’