‘ซีอาร์จี’ มุ่งทำกำไร ปรับแผนธุรกิจร้านอาหาร ระมัดระวังเปิดสาขา
"ซีอาร์จี" ยังมองธุรกิจร้านอาหารปี 2567 เติบโต เดินหน้าลงทุนเปิดสาขาใหม่ 80-95 สาขา มาพร้อมกับความระมัดระวัง และมีการปรับลดขนาด-รูปแบบร้าน ปิดสาขากำไรไม่เข้าเป้า ให้น้ำหนักกับการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ เพื่อตอบโจทย์ความสามารถในการ "ทำกำไรสูง"
ธุรกิจร้านอาหารของกลุ่มเซ็นทรัล ภายใต้บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี(CRG) เป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่ทำเงินให้กับบริษัท จากแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีพอร์ตโฟลิโอหลากหลาย ครอบคลุมธุรกิจอาหารบริการด่วน(QSR)อย่างไก่ทอดเบอร์ 1 เคเอฟซี ร้านอาหารญี่ปุ่น โอโตยะ ร้านขนมมิสเตอร์โนัท อานตี้ แอนส์ และโอโตยะ และยังมีแบรนด์ร่วมทุนโดดเด่น เช่น ชินคันเซ็น ซูชิ สลัดแฟคทอรี เป็นต้น
ทั้งนี้ ธุรกิจร้านอาหารโดย “ซีอาร์จี” ยังทำเงินให้กับบริษัท โรงแรมเซ็นทารา จำกัด(มหาชน) ในปี 2566 สัดส่วนถึง 56%
ในปี 2567 ซีอาร์จี มองแนวโน้มและคาดการณ์ธุรกิจร้านอาหารจะมีอัตราการเติบโตของร้านเดิม(ไม่รวมแบรนด์ร่วมทุน)ประมาณ 3-5% จากปีก่อน และอัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา(Total-System-Sales: TSS)จะอยู่ที่ 8-11% จากปี 2566 โดย 4 แบรนด์หลักยังเป็นเรือธง ไม่ว่าจะเป็นเคเอฟซี มิสเตอร์โดนัท อานตี้ แอนส์ เป็นต้น
ส่วนการเติบโตของสาขาในปี 2567 บริษัทคาดการณ์จะเพิ่มขึ้น 80-95 สาขา(รวมแบรนด์ร่วมทุน และรวมร้านรูปแบบ Shop-in-shop อย่างอาริกาโตะในมิสเตอร์โดนัท) หรือเติบโต 5-6% จากปีก่อน
อีกโจทย์การขับเคลื่อนธุรกิจร้านอาหารของซีอาร์จีในปีนี้ คือการให้ความสำคัญกับการ “ทำกำไร” ดังนั้นได้วางแผนดำเนินการหลายมิติ ได้แก่ การตระหนักถึงสถานการณ์ “ต้นทุนวัตถุดิบ” และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ปรับตัวสูงขึ้น และมีความผันผวน จึงวางแผนเจรจาต่อรองกับผู้ขายวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสำหรับวัตถุดิบบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยงการผันผวนของราคา เป็นต้น
การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และจัดโปรโมชั่นหรือกิจกรรมส่งเสริมการขายให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไป
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการ “ปิดสาขาที่ไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมาย” เพื่อรักษาอัตราการไรของบริษัท และพิจารณาการเปิดสาขาใหม่อย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะมุ่งเน้นการขยายสาขาในแบรนด์หลักที่มีอัตรา “การทำกำไรสูง” รวมถึงปรับลดขนาดหรือปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สะท้อนกับยอดขาย หรือกลุ่มลูกค้าที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทสร้างรายได้จากการขาย 12,465 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่า 940 ล้านบาท และสร้าง “กำไรสุทธิ” 479 ล้านบาท ลดลง 1% จากปีก่อน หรือคิดเป็น 80 ล้านบาท เนื่องจากเผชิญต้นทุนของวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นและมีความผันผวน ตลอดจนค่าไฟฟ้า ค่าเช่า และการตั้งสำรองการ “ปิดสาขา” โดยเฉพาะส่วนที่ Cloud Kitchen เป็นหลัก
สำหรับการสร้างผลงานยอดขายจากร้านอาหารสาขาเดิมหรือ same stroe เติบโต 4% จาก 4 แบรนด์หลัก มีอัตราการเติบโตรายได้รวม(TSS)เฉลี่ย 8% โดยเป็นการเติบโตของแบรนด์หลัก 8% และแบรนด์อื่นๆเติบโตเพียง 1% เท่านั้น
หากรวมผลงานของแบรนด์ร่วมทุนจะพบว่ามียอดขายของร้านสาขาเดิมเติบโต 3% จากปีก่อน และภาพรวมการเติบโตของยอดขายรวมอยู่ที่ 13% จากปีก่อน โดยแบรนด์ชินคันเซ็น ซูชิ และสลัดแฟคทอรี เป็นพระเอก
สำหรับสิ้นปี 2566 ซีอาร์จี มีร้านอาหารให้บริการทั้งสิ้น 1,621 สาขา เฉพาะไตรมาส 4 มีการเปิดร้านเพิ่มขึ้น 41 สาขา เมื่อแบ่งจำนวนร้านตามแบรนด์ เป็นดังนี้
-เคเอฟซี มี 335 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มี 319 สาขา
-มิสเตอร์โดนัท 463 สาขา ลดลงจากปี 2565 มี 469 สาขา
-อานตี้ แอนส์ 225 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มี 209 สาขา
-โอโตยะ 48 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มี 47 สาขา
-เปเปอร์ลันช์ 49 สาขา ลดลงจากปี 2565 มี 51 สาขา
-โคลด์สโตน ครีมเมอรี่ 16 สาขา ทรงตัวจากปี 2565
-เดอะ เทอเรส 4 สาขา ลดลงจากปี 2565 มี 7 สาขา
-ชาบูตง ราเมน 16 สาขา ลดลงจากปี 2565 มี 17 สาขา
-โยชิโนยะ 26 สาขา ลดลงจากปี 2565 มี 31 สาขา
-เทนยะ 12 สาขา ทรงตัวจากปี 2565
-อร่อยดี 11 สาขา ลดลงจากปี 2565 มี 30 สาขา
-เกาลูน 1 สาขา ทรงตัวจากปี 2565
-อาริกาโตะ 210 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มี 185 สาขา
-แกร๊บคิทเช่น บาย เอเวอรีฟู้ด 6 สาขา ลดลงจากปี 2565 มี 18 สาขา
-คีอานิ 1 สาขา
ส่วนแบรนด์ร่วมทุน มีร้านดังนี้
-สลัดแฟคทอรี 39 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มี 30 สาขา
-บราวน์ คาเฟ่ 10 สาขา ลดลงจากปี 2565 มี 11 สาขา
-คาเฟ่ อมเซอน-เวียดนาม(แบรนด์ที่รวมอยู่ในการร่วมค้า) 8 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มี 5 สาขา
-ส้มตำนัว 8 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มี 5 สาขา
-ชินคันเซ็น ซูชิ(แบรนด์ที่รวมอยู่ในการร่วมค้า) 57 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มี 44 สาขา