"ลายวิจิตร" สูตรไม่ลับ ธุรกิจยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น

ปัจจุบันลายวิจิตร ก้าวเข้าสู่ปีที่ 49  ของการเป็นผู้นำนวัตกรรมพลิกวงการก่อสร้าง ด้วย “บันไดสำเร็จรูป” โดยมีจุดเริ่มต้นธุรกิจจากรุ่นอากง ในปี พ.ศ. 2495 ดำเนินกิจการผลิตไม้ปาร์เกต์ ไม้พื้น ไม้โมเสค ทั้งขายในประเทศและส่งออก และส่งต่อธุรกิจมาสู่ผู้บริหารรุ่นที่ 3 พีระศิลป์ ตั้งกิจงามวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทลายวิจิตร

    การเข้ามารับหน้าที่บริหารธุรกิจครอบครัว และบริหารความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่คุณพีระศิลป์จบการศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการจัดการการผลิต จึงได้ต่อยอดความรู้มาบริหารธุรกิจครอบครัว

แรกเริ่มที่มารับช่วงต่อจากคุณพ่อ ได้เข้ามาเรียนรู้กระบวนการทำงานในทุกส่วนของโรงงาน จากเดิมทีเป็นโรงงานที่ใช้แรงงานเป็นหลัก ทั้งส่วนผลิตและการติดตั้ง จึงได้เริ่มปรับเปลี่ยนองค์กร และสร้างมาตรฐาน ด้วยจัดการระบบการทำงานอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ทั้งยังให้ความสำคัญที่โครงสร้างรากฐานเริ่มต้นที่เรื่อง Governance (ธรรมาภิบาล) มีการจัดทำธรรมนูญครอบครัว ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2557 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจครอบครัว ทำให้เกิดการตรวจสอบได้ เป็นธรรม และมีความโปร่งใส

สิ่งสำคัญต่อมาคือการแบ่งบทบาทและหน้าที่ให้ชัดเจน ทั้งตำแหน่งผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น และสมาชิกครอบครัว เพื่อให้ปัญหาถูกแก้ไขอย่างเป็นระบบ 

นวัตกรรมบันไดก้าวสู่ความสำเร็จ
    ในยุคที่ลามิเนตเข้ามามีบทบาทแทนไม้จริง ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัท ทั้งมีราคาถูกกว่าและทำงานได้เร็วกว่า ส่วนงานไม้จริง ต้องมีขั้นตอนการปู การขัด และทาสี จึงได้คิดค้นและได้พัฒนาสินค้า ร่วมกับลูกค้ารายใหญ่ของลายวิจิตร เป็นบันไดสำเร็จรูป

จากงานติดตั้งบันไดต้องใช้ผู้รับเหมาหลายกลุ่ม ทั้งช่างเหล็ก สำหรับทำโครงสร้าง ช่างไม้ ช่างติดตั้ง และช่างทาสี ใช้เวลาประมาณ 14 วัน ลดระยะเวลาเหลือเพียง 3 วันเท่านั้น เป็นการเข้ามาแก้ pain point และ เป็น Solution ให้กับลูกค้า ทำให้ยอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงระยะเวลา 10 ปี

วัฒนธรรมองค์กร Eco Culture ลด EGO

บริษัทลายวิจิตรให้ความสำคัญในเรื่องของการลงทุนในทรัพยากรบุคคล คุณพีระศิลป์มีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า องค์กรจะสำเร็จได้ “พนักงานต้องสำเร็จก่อน”  หมายความว่า  พนักงานเป็นผู้ขับเคลื่อนองค์กร

การลงทุนกับพนักงานให้พนักงานประสบความสำเร็จในงานของเขา ทั้ง Coaching และ Training รวมไปถึงการสื่อสารจากผู้บริหารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พนักงานทราบถึงเป้าหมาย ผลลัพธ์ และรู้ถึงสถานการณ์เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหา

ต่อมาสิ่งสำคัญที่พนักงานต้องรู้คือ 1. เป้าหมายขององค์กรที่คาดหวังในตัวเขา 2. เขามีความสำคัญอย่างไรกับเป้าหมายในองค์กร ทั้งนี้“วัฒนธรรมองค์กรต้องสอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายธุรกิจ”

 “วัฒนธรรมองค์กรถ้าผู้บริหารไม่สร้าง จะมีคนสร้างให้”  วัฒนธรรมองค์กรที่คุณพีระศิลป์สร้างให้คือ “ECO Culture” เป็นการปูกฝังวัฒนธรรมเพื่อส่วนรวม มีการส่งเสริมทักษะเรื่องของการฟัง การสร้างบทสนาทนาสู่การฟังระดับลึกถึง Empathy เป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกัน เพื่อออกจากคำว่า EGO ทำให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จร่วมกัน

แม้เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา เป็นการลงทุนระยะยาว  เป็นสิ่งที่จับต้องยาก และสื่อสารยาก แต่คุณพีระศิลป์พิสูจน์แล้วถึงความสำเร็จนี้ การันตีด้วยรางวัลมากมาย

อาทิเช่น รางวัล Bai Po Business Award 2023 , รางวัลสุดยอด SME แห่งชาติครั้งที่ 15 ในปี 2023 , รางวัล CEO ECONMASS Awards 2023 และต่างๆอีกมากมาย นำมาซึ่งความภาคภูมิใจ และแรงบันดาลใจกับพนักงานในองค์กรเป็นอย่างมาก

การบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืน คุณพีระศิลป์มองว่า ความยั่งยืน G (Governance) สำคัญมาก คือต้องมีโครงสร้างรากฐานที่ดีก่อน ซึ่งทางบริษัทกำลังขอรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาล จากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นความตั้งใจอยากจะเป็นธุรกิจSME ที่มีธรรมภิบาลในการกำกับดูแล ,

S (social) เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ เป็นจิตวิญญาณในการทำธุรกิจ และ E (Environment) มองว่าเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ไม่ใช่เพียงแค่ความอยู่รอดของธุรกิจและซัพพลายเชน แต่เป็นความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ สังคมและสิ่งแวดล้อม

ซึ่งเป็น mindset ความรับผิดชอบในการทำธุรกิจ และเมื่อปีที่แล้วจึงได้มีโอกาสต่อยอดธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้มินิมอล ไอเดียจากการลดของเสียจากการทำงานให้เป็นศูนย์ Zero waste โดยนำสินค้าคงคลัง เศษไม้ในโรงงานจากการทำบันได นำมาแปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับไม้เหล่านี้ สู่แบรนด์ “LALIT by LAIVIJIT” เพิ่มอีกด้วย

และองค์ประกอบทั้งสามอย่างนี้เองที่ทำให้บริษัทลายวิจิตรเติบโตมาอย่างยั่งยืน

คอลัมน์            SME Game Changer - พลิกเกมธุรกิจ SME 
พิกุล ศรีมหันต์ 
รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส 
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 
กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี 
ธนาคารไทยพาณิชย์