'ค้าปลีก' จี้รัฐอัดยาแรงปลุกใช้จ่าย หวังนักท่องเที่ยวบูมดันกำลังซื้อ

ส่งยาแรงเจาะตรงเฉพาะกลุ่ม “ฐานราก” กระตุ้นตลาดบน ทัวริสต์ อำนาจซื้อสูงใช้จ่าย 

อุตสาหกรรมค้าปลีกค้าส่งไทยมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านบาท หนึ่งในเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในสถานการณ์อึมครึม จีดีพีโตต่ำ ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเร็ว ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการบริโภค ซ้ำเติมด้วยปัญหาหนี้ครัวเรือนในประเทศพุ่งสูง กดดันการใช้จ่าย ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐทั้งระยะสั้นและระยะยาวยังคงไม่ชัดเจน

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเยือนประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นสัญญาณบวกและแรงส่งที่ดีต่อภาวะเศรษฐกิจ และธุรกิจค้าปลีก รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่างๆ เสริมกำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศ

โดยบิ๊กซี พบว่า นักท่องเที่ยวจากจีน ไต้หวัน เวียดนาม และฮ่องกง เข้ามาใช้บริการในบิ๊กซีมีจำนวนสูงขึ้น สะท้อนจาก บิ๊กซี สาขาราชดำริ  สาขายอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีการเติบโตที่ดีมาก โดยเฉพาะสินค้าไทยหลากหลายกลุ่มที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวยอดขายเติบโตสูง 

“ปีนี้บิ๊กซี จึงมุ่งขยายสาขา ทัวร์ริส สโตร์ เน้นจังหวัดท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายผ่านการนำเสนอสินค้าไทย สินค้าโอทอปไปสู่กลุ่มลูกค้า”

อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจค้าปลีกได้ติดตามนโยบายของภาครัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะมีผลต่อธุรกิจและภาคค้าปลีกให้ขยายตัวไปในทิศทางใด

ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทยดึงทัวริสต์

นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า แรงหนุนของภาครัฐผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์หลักดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาไทย ด้วยจุดขายต่างๆ รวมถึงนโยบายซอฟต์ พาวเวอร์ ไทยสู่เวทีโลก นั้น สร้างแรงส่งการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่มีส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่างๆ 

“ภาคการท่องเที่ยวถือเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย ดังนั้นการกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาไทย เกิดการใช้จ่าย สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ ซึ่งช่วงที่ผ่านมา สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้มีการเข้าไปหารือกับรัฐบาลในเรื่องภาษีต่างๆ ที่จะมีผลกระตุ้นต่อภาคค้าปลีกและเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องด้วย” 

ปีนี้ ไอคอนสยาม มุ่งกลยุทธ์เชิงรุกในการส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้แก่ลูกค้า พร้อมจับมือพันธมิตรระดับโลก จัดอีเวนต์ใหญ่ในทุกเดือน เพื่อกระตุ้นบรรยากาศใช้จ่าย กระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยในให้คึกคัก ยกตัวอย่างช่วงปีที่ผ่านมา ไอคอนสยามได้จัดงานเทศกาลต่างๆ เช่น ลอยกระทง เคานต์ดาวน์ โดยร่วมนำเสนอวัฒนธรรมและประเพณีไทย ถือเป็น “ซอฟต์พาวเวอร์ไทย” สู่สายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก

เมกะโปรเจกต์กระตุ้นจ้างงาน

นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับช่วงโควิดภายในปี 2568  และการลงทุนเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน ช่วยเพิ่มการจ้างงานและปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง 

โดยเฉพาะธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่ จากข้อมูล ศูนย์วิจัยกรุงศรี ระบุว่า ปี 2567-2568 มีแนวโน้มขยายตัวเฉลี่ย 4-5% ต่อปี จากแรงหนุนสำคัญ คือ  กำลังซื้อที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจไทย ประเมินว่าเติบโตเฉลี่ย 3-4% ต่อปี

“ธุรกิจค้าปลีกฟื้นตัวตามการใช้จ่ายของผู้บริโภค การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทำให้เกิดการเร่งการขยายสาขาและสร้างการเติบโต”

หวังนักท่องเที่ยวจีนแรงส่งเศรษฐกิจ

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เชื่อมั่นธุรกิจค้าปลีกไทยปี 2567 จะขยายตัวได้ดีกว่าปีก่อน โดยแรงหนุนสำคัญมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่จะเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการฟรีวีซ่า และการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทยของรัฐบาล จากปี 2566 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนสูง 28 ล้านคน เป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งที่ต่างชาติต้องการมาเยือน ส่งผลดีต่อค้าปลีกในพื้นที่ “ทัวริสต์ เดสติเนชั่น” ทำให้บางสาขามียอดการจับจ่าย หรือร้านค้าปลีกสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 แล้ว ยกตัวอย่าง ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ในสมุย ภูเก็ต และเซ็นทรัลเวิลด์ 

“ในต้นปีนี้ ภาคค้าปลีกมีความคึกคัก จากมาตรการภาษี Easy e-Receipt กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย ส่งผลยอดขายในศูนย์การค้าต่างๆ เติบโต ทั้งมีเทศกาลต่อเนื่อง ตรุษจีนในเดือน ก.พ. ซึ่งในปีนี้เป็นปีมังกร ดึงดูดนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีน เข้ามาเฉลิมฉลองในไทยจำนวนมหาศาล”

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมกำลังซื้อของกลุ่มฐานรากยังไม่ดีนัก แต่การจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มลูกค้ากลางและบนยังมีความแข็งแรง ซึ่งผู้ประกอบการได้มีการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเป็นแรงส่งต่อเนื่องตลอดทั้งปี 

แนะรัฐกระตุ้นตรงกลุ่ม - ลุ้นเงินดิจิทัล

นายวิจักษณ์ ประดิษฐวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวม เศรษฐกิจไทยปี 2567 อาจยังไม่สดใสมากนัก คาดขยายตัว 2.6-2.7% ซึ่งมีปัจจัยกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี การส่งออกของไทยขยายตัวไม่สูง นักท่องเที่ยวกลับมาไม่เต็มที่ โดยต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้ง อย่างสงครามอิสราเอล-ฮามาส จะขยายตัวหรือไม่ ขณะที่สถานการณ์ในประเทศมีประเด็นต้องจับตาทั้งภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวจากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงถึง 90% กระทบกำลังซื้อ

“มาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลต้องเน้นให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย การอัดฉีดเม็ดเงินผ่านโครงการต่างๆ จะสามารถสร้างแรงกระเพื่อมและเกิดการหมุนเวียนแบบทวีคูณ (Multiply) ได้กี่รอบ โดยเฉพาะโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ต้องบริหารจัดการว่าจะผลักดันให้หมุนไปทางใด เพื่อสร้างประโยชน์ต่อประเทศและเศรษฐกิจสูงสุด”