เสิร์ฟของดี 37 ปีนอกร้าน ‘น้ำจิ้มสุกี้ MK’ สินค้าทำเงินใหม่ “ฤทธิ์ ธีระโกเมน”
ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เพิ่งเปลี่ยนโลโก้องค์กรใหม่ ‘M’ จากเดิมใช้โลโก้เดียวกับธุรกิจร้านอาหารหม้อร้อนแบรนด์ เอ็มเค สุกี้ หรือ MK มาโดยตลอด การปรับดังกล่าวเพื่อรับวิชั่นและกลยุทธ์เคลื่อนธุรกิจ
1 เดือนผ่านไป บริษัทได้เปิดตัวสินค้าใหม่ “น้ำจิ้มสุกี้ MK” ออกมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ประเดิมช่องทางที่มีคือ ธุรกิจร้านอาหารของตนเองอย่าง “เอ็มเค สุกี้” และช่องทางออนไลน์ เดลิเวอรีของตนเองอย่าง www.mk1642.com รวมถึงแพลตฟอร์มของฟู้ด เดลิเวอรี ค่ายต่างๆ
“น้ำจิ้มสุกี้ MK” ออกมา 2 ขนาดให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อ ได้แก่ ขวดใหญ่ปริมาณ 830 กรัม ราคา 119 บาท และขวดเล็กปริมาณ 350 กรัม ราคา 65 บาท
นับเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัท ที่นำของดี 37 ปีมาอยู่ในรูปแบบสินค้าสำเร็จรูป พร้อมชูจุดเด่นความเป็น “ต้นตำรับ” ที่ใครก็แทนไม่ได้ และไม่ใส่ผงชูรส
ด้านการทำตลาด “ฤทธิ์ ธีระโกเมน” ผู้ครองอาณาจักรสุกี้ “หมื่นล้าน” ได้ส่งรูปตนเองคู่กับสินค้าใหม่ ส่งให้กับสื่อ อินฟลูเอนเซอร์แถวหน้าเพื่อสื่อสาร สร้างกระแสรับรู้ รวมถึงเพจของแบรนด์
ปลุกความอยากรู้ล่วงหน้า
ส่วนการแข่งขันด้าน “ราคา” หากเทียบกับผู้เล่นหลักน่าสนใจ เพราะปริมาณและราคาเหลื่อมกันเล็กน้อย มาดูราคาของเจ้าตลาดน้ำจิ้มสุกี้สำเร็จรูปมานานขายผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” เช่น
น้ำจิ้มสุกี้ สูตรกวางตุ้ง
-แบรนด์ “พันท้าย” ที่ขนาด 330 กรัม ขายอยู่ที่ 65 บาท ช่วงโปรโมชั่นอาจเห็น 61 บาท
-แบรนด์ “สุรีย์” ขนาด 335 กรัม ราคา 55 บาท
-น้ำจิ้มสุกี้ยากี้แบรนด์ “โออิชิ” ขนาด 330 กรัม ราคา 65 บาท
ส่วนสูตรพริกกะเหรี่ยง
-น้ำจิ้มสุกี้แบรนด์ “พันท้าย” ขนาด 330 กรัม ขายในราคา 69 บาท
-แบรนด์ “ซันซอส” 380 กรัม ขายในราคา74 บาท เป็นต้น
พลันที่ “น้ำจิ้มสุกี้ MK” ออกมาขาย สิ่งที่ผู้บริโภค โดยเฉพาะฐานแฟนของแบรนด์ มีเสียงเรียกร้องให้รังสรรค์เมนูอื่นๆออกมาขายสำเร็จรูปด้วย ไม่ว่าจะเป็นน้ำจิ้มเต้าหู้ทอดสำหรับเด็ก น้ำราดเป็ดย่าง หัวเชื้อน้ำซุปสุกี้ เป็นต้น
ตลาดน้ำจิ้มสุกี้ใหญ่ขนาดไหน ยังไม่มีการเก็บตัวเลขที่แน่ชัด แต่หากพิจารณา “บิ๊กแบรนด์” อย่าง “พันท้าย” ที่ทำรายได้รวมขยับเข้าใกล้ 3,000 ล้านบาททุกขณะ ส่วนตัวเลขกำไรมากกว่า 700 ล้านบาท ในปี 2565 สะท้อนให้เห็นถึง “โอกาส” และศักยภาพของตลาดอยู่ไม่น้อย เนื่องจากตลาดน้ำจิ้มสุกี้ ไม่ได้มีแบรนด์เดียว แต่มีแบรนด์เล็ก แบรนด์ย่อยเต็มไปหมด ซึ่งช่องทางขายไม่ได้แคยอยู่แค่ “ร้านสะดวกซื้อ” เพราะหากไปเดินตลาดสด จะเห็นแบรนด์เจ้าถิ่นแต่ละพื้นที่ผลิตลงขวดมาจำหน่ายเต็มไปหมด
นอกจากนี้ หากดูตลาดใกล้เคียงกับน้ำจิ้ม ต้องยกให้หมวด “ซอสและเครื่องปรุงรส” ที่รวมการจำหน่ายในประเทศและการส่งออกในปี 2565 มูลค่ามากกว่า 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศมูลค่า 31,700 ล้านบาท เติบโต 6.4% เทียบกับปี 2564 สินค้าหมวดนี้ เช่น ซอสพริก น้ำปลา ซอสถั่วเหลือง ซอสหอยนางรม เครื่องแกงต่างๆ ผงชูรส เป็นต้น (ที่มา : SAUCE อ้างอิง Euromonitor และศูนย์อัจฉริยะอุตสาหกรรมอาหาร,กระทรวงพานิชย์)
สำหรับ “น้ำจิ้ม” มักเป็น “สูตรลับ” ของบรรดาธุรกิจร้านอาหาร การดึงดูดให้ลูกค้าออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน อาจมีหลากกระบวนท่า อย่างเอ็มเค สุกี้ ชูช่วงเวลาแห่งความสุข ความอบอุ่นของครอบครัวที่ได้มาทานอาหารร่วมกัน เมนูที่มีคุณภาพ จุดขายแตกต่าง รวมถึง “น้ำจิ้มสุกี้” สูตรนี้ รสชาตินี้ อยากทานต้องมาที่ร้านเท่านั้น
ธุรกิจร้านอาหาร จะเติบโตได้ “การเปิดสาขาใหม่” คือหัวใจสำคัญ ท่ามกลางการแข่งขันของตลาด 4 แสนล้านบาท การชิง Share of Stomach นับวันยากขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริโภคมีกระเพาะอาหารเดียว ไม่ได้อยากทานสุกี้บ่อยๆ แต่ขอแบ่งใจให้หม้อร้อนแบบอื่น เช่น ชาบู หรือปิ้งย่าง ตลอดจนอาหารประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารอิสาน อาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลี อาหารบริการด่วน(QSR) ต่าง เป็นต้น ดังนั้น “น้ำจิ้มสุกี้ MK” จึงเป็น “จิ๊กซอว์” ต่ออาณาจักรหมื่นล้านให้เติบโตระยะยาว ตอบสนองผู้บริโภคที่อยากทานสุกี้ที่บ้านแต่ฟีลสัมผัสรสชาติเหมือนในร้านเอ็มเค ฯ
อย่างไรก็ตาม สเต็ปเสิร์ฟน้ำจิ้มสุกี้สำเร็จรูปของบริษัทเอ็มเคฯ เป็นก้าวที่น่าจับตาว่าผลตอบรับระยะสั้นจะดีแค่ไหน ผู้บริโภคจะแค่เห่อ หรือพร้อมสนับสนุนระยะยาว ก้าวต่อไป คือการขยายช่องทางจำหน่ายผ่านห้างค้าปลีก ร้านค้าทั่วไป จะเป็นอย่างไร และหลังปรับแบรนด์องค์กรเพื่อสานวิชั่นการเติบโตในอนาคต จะมีสินค้าใหม่ แบรนด์ใหม่ออกมาสร้างความตื่นเต้นให้ตลาด ตอบสนองผู้บริโภคอย่างไร ติดตาม!
