บิ๊กศูนย์ประชุมเร่งฟื้นตลาดไมซ์ ยอดจัด 'คอนเสิร์ต' ฮอต คนดูไม่หวั่นบัตรแพง

เฉพาะตลาดไมซ์ต่างประเทศอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท ทีเส็บยังมั่นใจว่าไปถึงเป้าหมาย แม้สามไตรมาสแรก (ต.ค. 2565 - มิ.ย. 2566) มีรายได้ไมซ์ต่างประเทศสะสม 26,274 ล้านบาท จากนักเดินทางไมซ์ต่างประเทศ 440,946 คน ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มที่เข้าร่วม “งานแสดงสินค้า” (เอ็กซิบิชัน) 204,397 คน คิดเป็น 46% ของนักเดินทางไมซ์ต่างประเทศ ทำรายได้ 13,017 ล้านบาท

นอกเหนือจากงานแสดงสินค้าที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว ทางภาคเอกชนผู้ประกอบการ “ศูนย์ประชุม” 3 รายใหญ่ในไทย ต่างประสานเสียงถึงการเติบโตของกลุ่มงานคอนเสิร์ตและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ สะท้อนถึงกำลังซื้อที่ยังมีอยู่ แม้ว่าจำนวนคอนเสิร์ตศิลปินไทย-เทศจะทะลัก และบัตรราคาพุ่งแรงมากก็ตาม

 

'อิมแพ็ค เมืองทองฯ' เผยยอดจองคอนเสิร์ตคิวยาวถึงไตรมาส 3/67

พอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม “อิมแพ็ค เมืองทองธานี” เปิดเผยว่า ยอดจองพื้นที่จัด “คอนเสิร์ต” ในอิมแพ็คมาแรงอย่างมาก ปัจจุบันเฉพาะ “อิมแพ็ค อารีน่า” (Impact Arena) ความจุ 12,000 คน เต็มทุกสัปดาห์ยาวไปจนถึงไตรมาส 3 ปี 2567 แล้ว ดีต่อเนื่องจากปี 2566 ซึ่งมียอดจองคอนเสิร์ตและการแสดงสำหรับครอบครัวเข้ามาทุกสัปดาห์ รวมกว่า 106 งาน แบ่งเป็นคอนเสิร์ตศิลปินไทยจำนวน 43 งาน และคอนเสิร์ตศิลปินต่างชาติมากถึง 63 งาน โดยมีสัดส่วนงานของศิลปิน “เค-ป๊อป” (K-POP) มากถึง 50% เทียบกับจำนวนคอนเสิร์ตและการแสดงฯ ทั้งหมด

“แม้ว่าปัจจุบันราคาบัตรคอนเสิร์ตจะพุ่งสูงขึ้นมาก แต่อิมแพ็คยังมั่นใจเรื่องกำลังซื้อของผู้ชมว่ายังมีอยู่ สะท้อนจากยอดจองพื้นที่จัดคอนเสิร์ตในอิมแพ็คที่ยาวไปถึงไตรมาส 3 ปีหน้า ทั้งนี้ขอยืนยันว่าอิมแพ็คไม่ได้ปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่แต่อย่างใด”

อิมแพ็คมีแผนอัปเกรด อิมแพ็ค อารีน่า ให้ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้จัดงาน ศิลปินได้รับความสะดวกขณะฝึกซ้อมและทำการแสดง รวมถึงผู้ชมได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล หลังจากทีมงานไปดูงานต่างประเทศ เช่น เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี ก่อนทยอยปรับปรุงทีละส่วน

ภาพการเป็นเมืองคอนเสิร์ตของอิมแพ็คจะเดินทางได้สะดวกมากขึ้น เมื่อการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) แล้วเสร็จ คาดเปิดให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบในเดือน ม.ค. 2567 และสามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเมื่อการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีชมพู (ช่วงศรีรัช-เมืองทองธานี) จำนวน 2 สถานี ได้แก่ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (ชาเลนเจอร์ อาคาร 1) และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี แล้วเสร็จ คาดเปิดให้บริการได้ในปี 2568 เพราะนอกจากจะอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่อยู่อาศัยและทำงานในเมืองทองธานีกว่า 3 แสนคนแล้ว ยังสามารถรองรับการเดินทางของผู้ชมคอนเสิร์ตและงานไมซ์ที่มีกว่า 10 ล้านคนต่อปี

ด้านภาพรวมการจัดงานแสดงสินค้าภายในอิมแพ็ค พบว่าจากข้อมูลอัปเดต ณ เดือน มิ.ย. 2566 ยอดจองงานแสดงสินค้าตลอดปี 2566 กลับมาค่อนข้างดี เกินเป้าหมายแล้ว มีจำนวน 56 งาน โดยจากบรรยากาศการจัดงานแสดงสินค้าในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ถือว่าทุกอย่างไปได้ดี ฟีลลิ่งดี ยังมีผู้ชมมาร่วมงานจำนวนมาก แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในตอนนี้จะไม่ได้ดีขึ้นก็ตาม และประเทศไทยก็ยังมีปัญหาในหลายๆ เรื่อง

พอลล์ กล่าวว่า อิมแพ็ค คาดการณ์ว่าปีงบประมาณ 2566 (เม.ย. 2566 - มี.ค. 2567) จะมีรายได้รวมทั้งหมดกว่า 3,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีงบประมาณ 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด โดยแบ่งเป็นจากการให้บริการพื้นที่งานแสดงสินค้า ศูนย์ประชุม การจัดคอนเสิร์ตฯ 2,000 ล้านบาท และจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 1,000 ล้านบาท

โดยยอดจองการจัดงานในปี 2566 ของอิมแพ็ค ล่าสุดรวมแล้วกว่า 1,073 งาน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 313 งาน คิดเป็น 41.18% สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีการจัดงานไปแล้วถึง 749 งาน เพิ่มขึ้น 242 งาน หรือคิดเป็น 47.73% จากช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ที่มีการจัดงานจำนวน 507 งาน

 

'ไบเทค' ปรับโมเดลธุรกิจ ขายโซลูชัน-จ่อเปิดตัวคอมมูนิตี้

ปนิษฐา บุรี กรรมการผู้จัดการ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) และนายกสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือ TEA กล่าวว่า ภาพรวมการจัดงานแสดงสินค้าใน “ไบเทค” มีความหลากหลาย บางงานฟื้นเร็ว บางงานยังกลับมาค่อนข้างช้า ทำให้ไบเทคต้อง “ปรับโมเดลธุรกิจ” ในยุคหลังโควิด-19 ว่าจะขายแค่พื้นที่จัดงานอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป แต่ต้องขาย “โซลูชัน” เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าผู้จัดงานด้วย

โดยปีที่แล้วไบเทคได้ร่วมมือกับพันธมิตรนำเสนอโปรแกรม “Plug & Play” ให้ลูกค้าสามารถจัดงานด้วยต้นทุนที่ต่ำลง และใช้เวลาเตรียมงานสั้นลง ขณะที่ปีนี้ล่าสุดได้ปรับพื้นที่ฮอลล์บางส่วนเป็นพื้นที่สำหรับจัดงานเอ็นเตอร์เทนเมนต์และกีฬาในร่ม (Indoor Sport & Entertainment) ภายใต้ชื่อ “BEAT Active” รองรับการจัดกิจกรรมหลากหลาย และในเร็วๆ นี้เตรียมเปิดตัวภาพความเป็นคอมมูนิตี้ของไบเทคด้วย

“กลยุทธ์ของไบเทคคือการกระจายความหลากหลายของประเภทงานและกิจกรรมมากขึ้น เพื่อผลักดันอัตราการใช้พื้นที่ไปให้ถึงเป้าหมาย 75% ภายใต้ความท้าทายในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ที่มีทั้งปัจจัยเงินเฟ้อ ความสามารถในการจ่ายของผู้จัดงาน รวมถึงเที่ยวบินระหว่างประเทศ เช่น จากประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ที่ปริมาณเที่ยวบินยังไม่กลับสู่ปกติ ในยุคที่การแข่งขันของธุรกิจศูนย์ประชุมไม่ได้มีแค่ด้านราคาเช่าพื้นที่เพียงอย่างเดียว”

จักริน อังประทีป ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กล่าวเสริมว่า สำหรับการจัดคอนเสิร์ตและเอ็นเตอร์เทนเมนต์อื่นๆ ที่ไบเทคในปีนี้มีเข้ามาจำนวนมาก ทำให้ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มงานคอนเสิร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 15% จากเดิมที่มี 10% ส่วนใหญ่เป็นคอนเสิร์ตขนาดกลาง ความจุ 7,000 คน เช่น แนว EDM ที่เน้นการยืนชม ส่วนค่าบัตรคอนเสิร์ตที่แพงขึ้นนั้น หลักๆ มาจากค่าตัวศิลปินและโปรดักชัน ยืนยันว่าไบเทครักษาระดับค่าเช่าพื้นที่เอาไว้ เพราะอยากช่วยผู้จัดงานให้อยู่รอดในการฟื้นฟูธุรกิจยุคหลังโควิด-19

 

'ศูนย์ฯ สิริกิติ์' ตั้งเป้าปี 67 เติบโต 20%

สุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหาร “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” เปิดเผยว่า ภาพรวมการจัดงานไมซ์และอีเวนต์ในศูนย์ฯสิริกิติ์ พบว่ามีจำนวนงานแน่นจากปัจจุบันไปจนถึงสิ้นปีนี้ และมีความหลากหลายกระจายไปยังกลุ่มงานเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เช่น คอนเสิร์ต มากขึ้นรวมหลายสิบงานในปีนี้ ทำให้มีอัตราการใช้พื้นที่รวมเกิน 50% ถือว่าผลการดำเนินงานปี 2566 ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ หลังจากเปิดให้บริการโฉมใหม่เมื่อเดือน ก.ย. 2565 มีจุดขายทั้งความใหม่ของสถานที่ ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวม 3 แสนตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากเดิม 5 เท่า ที่จอดรถรองรับ 3,000 คัน และติดสถานีรถไฟฟ้า MRT ทำให้ศูนย์ฯ สิริกิติ์เป็นศูนย์กลางการจัดงานไมซ์ในกรุงเทพฯ

“ขณะที่ปี 2567 ศูนย์ฯสิริกิติ์ ตั้งเป้าการเติบโตที่ 20% เมื่อเทียบกับปีนี้ หลังงานไมซ์ขนาดใหญ่กลับมาจัด และมีงานใหม่เพิ่มขึ้นด้วยสัดส่วน 10-15% ของงานทั้งหมด”