EE-W1 พร้อมเทรดตลาดหลักทรัพย์ 3 มี.ค.65

EE-W1 พร้อมเทรดตลาดหลักทรัพย์ 3 มี.ค.65

ตลาดหลักทรัพย์รับใบสำคัญแสดงสิทธิ EE-W1 จำนวน 1.389 พันล้านหน่วยเข้าจดทะเบียน พร้อมเข้าเทรด 3 มี.ค.65 เป็นต้นไป

ตลาดหลักทรัพน์แห่งประเทศไทย(ตลท.) แจ้งในวันนี้(2 มี.ค.65) รับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ(วอแรนต์)ของบริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) (EE) ชื่อย่อใบสำคัญแสดงสิทธิ EE-W1 เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และ เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 3 มี.ค.2565

EE-W1 มีจำนวน 1,389,975,988 หน่วย อายุ 3 ปี 17 วัน นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(22 ก.พ. 2565) อัตราการใช้สิทธิ 1ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาการใช้สิทธิ์ 1.00 บาทต่อหุ้น โดยเริ่มใช้สิทธิครั้งแรก 10 มี.ค. 2568 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 10 มี.ค. 2568

ทั้งนี้เมื่อก.ย. 2564 EE เข้าซื้อหุ้น แคนนาบิซ เวย์ หรือ CW   จำนวน 800,000 หุ้น เป็นสัดส่วน 80 %  ประกอบธุรกิจค้าและผลิตกัญชง จากบริษัท ไบโอ เมดิคอล กรุ๊ป จำกัด มูลค่า 650 ล้านบาท ในช่วงก.ย.ปี 2564  และปลายปี 2564 ได้ใบอนุญาตผลิต(ปลูก)ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชง ทำให้เดินหน้าเพาะปลูกในเฟสแรกทันที 30,000 ต้น ใช้ระยะเวลาเพาะปลูก 2-3 เดือนสามารถขายผลผลิตได้เลย ด้วยการศึกษาและพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งผลผลิตทั้งหมดมีคำสั่งซื้อรองรับและพร้อมรับรู้รายได้ภายใน ไตรมาส 2 ปี 2565

ตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี ของ EE มุ่งเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจกัญชงครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ และปลายน้ำ ผ่านเทคโนโลยีด้านการเกษตร (Smart Farming) และการสกัด มาผนวกกับทีมงานวิจัยด้านต่างๆ เพื่อเชื่อมรวมเข้าด้วยกันและนำสู่ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุด

อุตสาหกรรมต้นน้ำ ผ่านการลงทุนกัญชง กับ CW เจ้าของโรงเรือน Green  ซึ่งปลูก crop (รอบการปลูก) แรกจำนวน 50,000 ต้น แบ่งเป็น indoor และ outdoor อย่างละ 30,000 และ 20,000ต้น ตามลำดับ ซึ่งคาดว่าจะได้ช่อดอกแห้งไม่น้อยกว่า 5,000 กิโลกรัม ซึ่งมีราคาขายประมาณ 15,000 บาทต่อกิโลกรัม และคาดว่าการผลิตจะมีสาร CBD ไม่น้อยกว่า 15% ทั้งนี้ชคาดว่าจะสามารถปลูกได้ประมาณ 3-4 crop ต่อปี คิดเป็นประมาณการรายได้ไม่น้อยกว่า 330 ล้านบาทต่อปี สำหรับโครงการ CW

อุตสาหกรรมกลางน้ำ ที่ปัจจุบันเได้ศึกษามาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า จะใช้เทคโนโลยีอะไร เหลือเพียงสรุปรายละเอียดเรื่องพันธมิตร รวมถึงเรื่องอุปกรณ์ สเปกเครื่องสกัดอีกเล็กน้อย โดยตั้งเป้าแถลงถึงโครงการสกัดกลางน้ำในไตรมาส 2 และคาดว่าจะสร้างรายได้ในไตรมาส 4 ปี 2565

อุตสาหกรรมปลายน้ำ จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เชิงสุขภาพ Premium Supplement Products ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงสุดหากเทียบกับประเภทอื่นๆ และมีคุณภาพตอบสนองกลุ่มเป้าหมายในระดับพรีเมียม (Premium Class)

โดยบริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถออกผลิตภัณฑ์เหล่านี้สู่ตลาดภายในปี 2566 หรือเมื่อ supply ของวัตถุดิบหรือสารสกัดจากกัญชงในโครงการต้นน้ำของกลุ่มบริษัท EE มีปริมาณและเสถียรภาพมากพอ

สำหรับราคาหุ้น EE ปิดตลาด 1 มี.ค.2565 ที่ราคาหุ้นละ 1.77 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 1.7% มูลค่าการซื้อขาย 159.22 ล้านบาท