JMT ผลประกอบการ 3Q64: กำไรดีเกินคาด (16 พ.ย. 64)

JMT ผลประกอบการ 3Q64: กำไรดีเกินคาด (16 พ.ย. 64)

กำไรสุทธิของ JMT ใน 3Q64 อยู่ที่ 352 ล้านบาท (+22% QoQ +24% YoY) ซึ่งผลประกอบการออกมาดีกว่าประมาณการของเราประมาณ 10% เนื่องจากรายได้จากการติดตามหนี้เสียสูงกว่าที่คาดไว้

ส่วนกำไรในงวด 9M64 อยู่ที่ 923 ล้านบาท (+29%) คิดเป็น 71% ของประมาณการกำไรทั้งนี้ กำไร ในขณะที่กัน margin ลดลงเล็กน้อยเหลือ 71% (จาก 72.6% ใน 2Q64 และ 71.6% ใน 1Q64) ซึ่งสะท้อนว่าบริษัทติดตามเก็บหนี้จากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีต้นทุนการลงทุนสูงกว่าสองไตรมาสก่อนหน้า

 

เร่งซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อมีหลักประกัน

JMT ซื้อสินทรัพย์เพิ่มอีกประมาณ 3.8 พันล้านบาทใน 3Q64 (จาก 1.8 พันล้านบาทใน 1Q64 แล 1.5 พันล้านบาทใน 2Q64) รวมเป็น 7.1 พันล้านบาทในงวด 9M64 (จาก 2.5 พันล้านบาทในงวด 9M63) ซึ่งสูงกว่าประมาณการปีนี้ที่ 7 พันล้านบาท ในขณะที่เราคาดว่าปีหน้าจะอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากธนาคารน่าจะเปิดประมูลหนี้เสียในช่วงปลายปีนี้ และปีหน้าเพิ่มขึ้น งบการซื้อสินทรัพย์ของบริษัทจึงอาจจะสูงกว่าแผนที่วางเอาไว้ ทั้งนี้ เราคำนวณคร่าว ๆ พบว่าประมาณ 60-70% ของสินทรัพย์ที่ซื้อเข้ามาใน 3Q64 เป็นสินเชื่อแบบมีหลักประกัน

 

 

D/E ยังต่ำอยู่

ถึงแม้ว่าจะซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น แต่สัดส่วน D/E ของ JMT ยังคงต่ำอยู่ที่ 1.0x ซึ่งยังไม่รวมการใช้สิทธ์ิแปลง warrant อีกประมาณ 900 ล้านบาทในเดือนตุลาคม 2564 นอกจากนี้ การเพิ่มทุนยังจะทำให้บริษัทมีเงินสดเพิ่มขึ้นประมาณ 1 หมื่นล้านบาทในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้สามารถซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพได้เพิ่มขึ้นอีกใน 4Q64 -2565 โดยจะยังสามารถรักษาสัดส่วน D/E ไว้ในระดับต่ำที่ <2x ได้

 

เหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายจำกัด ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ

เราคาดว่ากำไรของ JMT จะสูงขึ้นอีกใน 4Q64 และจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2565 เนื่องจากจะมีรายได้มากขึ้นจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพก้อนใหญ่ที่ซื้อเข้ามาในปีนี้ อย่างไรก็ตามผลจาก dilution ต่อผลกำไร, upside ที่จำกัด, และราคาหุ้นที่แพงแล้วทำให้เราปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ โดยยังคงราคาเป้าหมายปี 2565F เอาไว้เท่าเดิมที่ 55 บาท (อิงจาก P/E ที่ 40x)

 

Risks

ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพได้น้อยกว่าที่วางแผนเอาไว้, margin ลดลง, ขยายตัวเร็วเกินไป