"วัลลภา ไตรโสรัส" ผงาด "ท็อป20" นักธุรกิจหญิงชั้นนำแห่งเอเชีย

"วัลลภา ไตรโสรัส" ผงาด "ท็อป20"  นักธุรกิจหญิงชั้นนำแห่งเอเชีย

ซีอีโออสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่เมืองไทย แอสเสท เวิรด์ คอร์ป “วัลลภา ไตรโสรัส” ติดทำเนียบ 1 ใน 20 นักธุรกิจหญิงชั้นนำแห่งเอเชียประจำปี 2564 หลังนำทัพสร้างโครงการระดับโกลบอล หนุนสร้างจุดแข็งประเทศไทย ผู้นำด้านการท่องเที่ยวโลก พร้อมดันพอร์ตแตะ 2 แสนล้านใน 5 ปี

นิตยสารฟอร์บส์เอเชีย คัดเลือกนักธุรกิจหญิงผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชีย ประจำปี 2564 โดยให้เหตุผลว่า เกือบ 2  ปีที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ทำให้ผู้นำภาคธุรกิจต้องเผชิญกับความจริงใหม่ หลายคนพยายามนำพาบริษัทให้รอด และ 20 นักธุรกิจหญิงที่ผ่านการคัดเลือกของฟอร์บส์ ได้ปรับตัวจนประสบความสำเร็จ สร้างโอกาสท่ามกลางความท้าทาย หนึ่งในนั้นคือ วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC

"วัลลภา ไตรโสรัส” เป็นผู้บริหารหญิงที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนาน กุมบังเหียนใหญ่  AWC ที่มีธุรกิจภายใต้การดูแล ประกอบไปด้วย โรงแรม พื้นที่รีเทลแบบขายปลีก พื้นที่ขายส่ง และอาคารสำนักงาน สร้างองค์กรให้เป็นที่รู้จักแก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการเติบโตที่ต่อเนื่อง

วัลลภา เป็นทายาทคนที่ 2 ของเจ้าสัวเจริญและคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี  รับหน้าที่ขยายอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์มูลค่าแสนล้านบาทหนึ่งในเรือธงของธุรกิจกลุ่มเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี โดยนำพาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2562 พร้อมเสนอขายหุ้นครั้งแรกของบริษัทให้กับสาธารณชน (Initial Public Offering: IPO)

การซื้อขาย IPO ในครั้งนั้น นับเป็นการซื้อขายหุ้น IPO ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คิดเป็นมูลค่าระดมทุนกว่า 48,000 ล้านบาท เพื่อต่อยอดการพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งตอบสนองไลฟสไตล์อย่างครบวงจรในประเทศไทย พร้อมก้าวสู่การเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแม้จะเผชิญวิกฤติโควิด-19

\"วัลลภา ไตรโสรัส\" ผงาด \"ท็อป20\"  นักธุรกิจหญิงชั้นนำแห่งเอเชีย

ภายใต้การนำทัพของ “วัลลภา” อาณาจักร AWC เติบโตอย่างมาก มีโครงการใหม่เกิดขึ้นมากมาย ในปี 2563 ได้เปิดดำเนินการเรือสิริมหรรณพ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โรงแรมมีเลีย สมุย บันยันทรี กระบี่ และ เออีซี เทรด เซ็นเตอร์ พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ

“แม้ปีนี้จะต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 ต่อเนื่อง แต่วัลลภายังคงประคองธุรกิจฝ่ามรสุมอย่างมั่นคง พร้อมพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ใช้โอกาสในช่วงที่ตลาดชะลอตัวนี้ในการพัฒนาและปรับปรุง ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อรองรับการฟื้นตัวของธุรกิจที่จะกลับมาในไม่ช้า”

ผ่าอาณาจักร AWC

สำหรับ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เป็นโฮลดิ้ง คอมปะนี ภายใต้เครือทีซีซีกรุ๊ป ดำเนินธุรกิจพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) บริหารงานโดยผู้บริหารโรงแรมที่มีชื่อเสียงภายใต้แบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพและเป็นที่รู้จักระดับสากล อาทิ แมริออท, เดอะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล, โอกุระ, บันยันทรี, ฮิลตัน และเชอราตัน 

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail, Wholesale andCommercial) ซึ่งครอบคลุมโครงการใน กลุ่ม 1.อสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า (Retail and Wholesale)ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ชอปปิงมอลล์ คอมมูนิตี้ มาร์เก็ต และอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าส่ง โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้ามีโครงการที่มีชื่อเสียงคือ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โครงการเกทเวย์ แอท บางซื่อ โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ และโครงการตะวันนา บางกะปิ

2.อาคารสำนักงาน(Office) โดยโครงการที่โดดเด่นในเครือ AWC คือ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ และอาคารแอทธินีทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทางธุรกิจที่มีศักยภาพในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ

ล่าสุด บริษัทประสบความสำเร็จหลังจากการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เมื่อ 10 ต.ค. ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นับเป็นการซื้อขายหุ้นไอพีโอในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกในช่วง5ปีที่ผ่านมา และเป็นหุ้นไอพีโอที่มีมูลค่าตลาดที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์ไทย (จากฐานข้อมูลของบลูมเบิร์ก)

ขณะที่ นักธุรกิจหญิงทรงอิทธิพลคนอื่น ๆ อาทิ เคอิโกะ เอริกาวะ ประธานบริหาร ค่ายเกมญี่ปุ่นระดับตำนาน “โคเอะเทคโม” เจนิซ ลีซีอีโอวิวแพลตฟอร์มให้บริการคอนเทนต์ ซีรีส์ วาไรตี้ออนไลน์จากฮ่องกง

ดันพอร์ตทะยาน2แสนล้านใน5ปี

แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น  หนึ่งในเสาหลักของกิจการในตระกูลเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เร่งเตรียมความพร้อมสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งด้วยการเดินหน้าลงทุนบิ๊กโปรเจคต่าง ๆ ต่อเนื่องตามห้วงจังหวะที่เหมาะสม รอการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจากวิกฤติโควิด-19 โดยแผนงาน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2565-2569 เตรียมลงทุนอีก 1 แสนล้านบาท ดันมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มเป็นกว่า 2 แสนล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือน มิ.ย.2564 แอสเสทเวิร์ดฯ มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 134,284 ล้านบาท

โดยมุ่งสร้างโครงการระดับโลก เพื่อร่วมสร้าง “จุดแข็ง” ให้ประเทศไทย ภายใต้สโลแกนประจำองค์กร “Building A Better Future” ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพเพื่อสร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ทุกภาคส่วน ทั้งตัวองค์กร ผู้ถือหุ้น ลูกค้า อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ชุมชน และประเทศอย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้ มุ่งยกระดับประเทศไทยยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่ “ออมนิ เอ็กซ์พีเรียนส์”(Omni Experience) เชื่อมออนไลน์กับออฟไลน์ เพื่อก้าวสู่การเป็น “ผู้นำด้านการท่องเที่ยวโลก” อย่างสมบูรณ์ในระยะยาว

สำหรับปัจจุบัน มีโครงการมิกซ์ยูสหลายแห่งที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เช่น “A SIAM ASIATIQUE DISTRICT BKK” ซึ่งเตรียมขยายการลงทุนเฟสใหม่ของเอเชียทีคริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขึ้น “ตึกสูงระฟ้า” ปั้นเป็นแลนด์มาร์กระดับไอคอนแห่งใหม่ของประเทศไทย โดยมีพันธมิตรบริษัท Adrian Smith + Gordon Gill Architecture (AS+GG) ผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมสำคัญหลายแห่ง รวมถึงตึกสูงระฟ้าเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เช่น ตึกสูงที่สุดปัจจุบันในโลกอย่าง“เบิร์จ คาลิฟา”ในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วางกำหนดแล้วเสร็จเปิดให้บริการในปี 2572

ภายในตึกสูงจะมีโรงแรม 2 แบรนด์หรู ได้แก่ โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน 124 ห้อง และโรงแรมเจดับบลิว แมริออท 1,000 ห้อง ส่วนแบรนเด็ด เรสซิเดนซ์คือ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนซ์ จำนวน 180 ห้อง รวมทั้งหมด 1,304 ห้อง อยู่ภายใต้การบริหารของเครือแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล

ปั้นมิกซ์ยูสเวิ้งนาครเขษม

ด้านโครงการมิกซ์ยูส “เวิ้งนาครเขษม” บนที่ดินแปลงประวัติศาสตร์กว่า 14 ไร่กลางไชน่าทาวน์ จะเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ใหม่ของกรุงเทพฯ โดยใช้เงินลงทุนทั้งหมดกว่า 16,000 ล้านบาท มีพื้นที่ใช้สอย 148,766 ตารางเมตร เริ่มก่อสร้างในปี 2565 คาดแล้วเสร็จปี 2570 ประกอบด้วย โรงแรมภายใต้การบริหารของเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป (ไอเอชจี) 2 แบรนด์ ได้แก่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ จำนวน 332 ห้อง และโรงแรมไวท์ เลเบล จำนวน 32 ห้อง นอกจากนี้ยังมีแบรนเด็ด เรสซิเดนซ์ ภายใต้แบรนด์เครือไอเอชจีเช่นกัน เป็นห้องชุดให้เช่าจำนวน 122 ยูนิต

อีกองค์ประกอบ คือ โซโห เรสซิเดนซ์ (SOHO Residence) ห้องชุดหรูแบบเอ็กซ์คลูซีฟ จำนวน 10 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 200 ตารางเมตรต่อยูนิต  ส่วนของพื้นที่ค้าปลีกเป็นอาคารให้เช่าเพื่อการค้าขนาด 25,000 ตารางเมตร ตั้งใจพัฒนาให้เป็น“Biggest Underground Retail”โดดเด่นเหมือนในประเทศจีนหรือเกาหลีใต้

ส่วนโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่กลางเมืองพัทยา“AQUATIQUE DISTRICT PATTAYA” ประกอบด้วย 5 โรงแรม  และแบรนเด็ด เรสซิเดนซ์อีก 2 แบรนด์ ทยอยเปิดให้บริการปี 2567-2569 นอกจากนี้มีแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เวลเนส มุ่งสู่การเป็นคอมเพล็กซ์ด้านไลฟ์สไตล์และความบันเทิงแห่งแรกในพัทยา