Selective Buy (ประจำวันที่ 30 กันยายน 2564)

Selective Buy (ประจำวันที่ 30 กันยายน 2564)

ตลาดหุ้นวานนี้ - SET Index ปิดทรงตัว แต่ในระหว่างชั่วโมงการซื้อขายค่อนข้างผันผวนโดยเฉพาะเปิดตลาดภาคเช้า SET ร่วงแรงกว่า 12 จุด

กังวล US Bond yield กลับมาเร่งตัว แต่มีแรงซื้อคืนหุ้นกลุ่มธนาคารหนุนดัชนีกลับมาปิดบวกได้เล็กน้อย 

 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

คาด SET แกว่งตัว 1,610 - 1,630 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่รวมถึงดัชนียังคงมีความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐระดับสูงส่งผลให้ เฟดส่งสัญญาณปรับลด QE ลง ,ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดซึ่งทำให้ Fund flow ผันผวน อย่างไรก็ตามแรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว รวมถึงความคาดหวังการเปิดประเทศหลังยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ชะลอตัวลงจะช่วยหนุนต่อดัชนี

 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า HANA KCE  TU CPF GFPT ASIAN NER SUN APURE
  • กลุ่มหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัว BANPU LANNA (ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้น) DCC COTTO TASCO (ภาวะน้ำท่วม) 
  • กลุ่มเดินเรือ PSL TTA แนวโน้มค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น

 

หุ้นแนะนำวันนี้

  • TU (ปิด 21.4 ซื้อ/เป้า 22.60) ได้ Sentiment บวกเงินบาทอ่อนค่ามากสุดในรอบ 4 ปี ธุรกิจเข้าสู่ High season และปลายปีนี้และปีหน้ามีStory นำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คือ 1) TFM) ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2) i-Tailผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่อันดับ 15 ของโลก 
  • AJ (ปิด 20.7 ซื้อ/เป้า 26) คาดกำไรสุทธิในช่วงปี 21-23 จะเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 21%ต่อปี จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของอุตสาหกรรม, ส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปรับตัวขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 50% ภายในปี 23 จาก200,000 ตันเป็น 300,000 ตันต่อปี

 

 

 

บทวิเคราะห์วันนี้

OR (ปิด 28 ขาย/เป้า 25), Banking sector (Top pick: KBANK, TTB)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+/-) กนง.คงดอกเบี้ยตามคาด และปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปีหน้าขึ้นเล็กน้อย: กนง. มีมติเป็นเอกฉัณฑ์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ตามเดิม ส่วนมุมมองต่อทิศทาง ศก. กนง.คงคาดการณ์ตัวเลข GDP ของไทยในปีนี้ไว้ที่ระดับ 0.7% ตามเดิมแต่ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปีหน้าขึ้นเป็น 3.9% จากเดิมคาดไว้ที่ 3.7% อย่างไรก็ตามการขยายตัวของ ศก.ไทยยังอยู่บนความไม่แน่นอนสูง
  • (-) ราคาน้ำมันดิบเริ่มชะลอตัวจากดอลลาร์แข็งค่าและสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น: ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 46 เซนต์ (-0.6%) ปิดที่ 74.83 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก 1) EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์เพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 สัปดาห์ และสวนทางกับที่ Consensus คาดว่าจะลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล และ 2)เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องล่าสุด Dollar Index เพิ่มขึ้นแตะระดับ 94.36$/bbl สูงสุดในรอบ 1 ปี
  • (-) ติดตามจีนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ย.หากยังลดลงเป็นสัญญาณไม่ดี: จีนมีกำหนดเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ย.ในวันนี้ซึ่งจะมีการเปิดเผยจากทั้ง 2 หน่วยงาน คือ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนและไคฉิน ทั้งนี้หากตัวเลขของทั้ง 2 หน่วยงานยังลดลงและต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาคการผลิตจีนที่ชะลอตัวส่งผลต่อการเติบโตของ ศก.จีนที่ชะลอตัวตามไปด้วยและเป็นSentiment ลบกับหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ จากดีมานด์ที่ลดลง