ก.ล.ต.เชือดอดีตพนักงานแบงก์ เหตุนำเงินลูกค้าไปใช้ส่วนตัว เสียหาย 139 ล้าน

ก.ล.ต.เชือดอดีตพนักงานแบงก์ เหตุนำเงินลูกค้าไปใช้ส่วนตัว เสียหาย 139 ล้าน

ก.ล.ต. ลงโทษอดีตผู้แนะนำการลงทุนของธนาคารกรุงเทพเป็นเวลา 10 ปี กรณีกระทำมิชอบต่อทรัพย์สินของผู้ลงทุน ทำให้เกิดความเสียหายกว่า 139 ล้านบาท

ก.ล.ต. ลงโทษอดีตผู้แนะนำการลงทุนชื่อ นางลัดดาวัลย์ แก้วโบราณ ขณะกระทำผิดสังกัดธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โดยไม่ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 10 ปี กรณีกระทำมิชอบต่อทรัพย์สินโดยนำเงินค่าซื้อกองทุนของลูกค้าจำนวน 27 ราย ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินรวม 139,190,221.41 บาท

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับรายงานร้องเรียนจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2556 ถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2560 นางลัดดาวัลย์ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์สังกัดธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้กระทำมิชอบต่อทรัพย์สินของผู้ลงทุนโดยหลอกให้ลูกค้าถอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อซื้อกองทุน แต่ไม่ได้ทำรายการซื้อกองทุนตามความประสงค์ของลูกค้า และนำเงินดังกล่าวฝากเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของตนเองและบุคคลที่เกี่ยวข้อง แล้วออกสมุดบัญชีแสดงสิทธิในหน่วยลงทุนให้ลูกค้าไม่ตรงตามความจริง โดยที่ทำให้ลูกค้าเข้าใจว่าเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารได้ถูกถอนและนำไปซื้อกองทุนกับธนาคาร ซึ่งมีลูกค้าเสียหายจำนวน 27 ราย เป็นเงินรวม 139,190,221.41 บาท

ก.ล.ต. พิจารณาแล้วเห็นว่า นางลัดดาวัลย์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน* โดยกระทำมิชอบต่อทรัพย์สินของผู้ลงทุน มีระดับโทษถึงขั้นเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์** แต่เนื่องจากการได้รับความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ของนางลัดดาวัลย์ได้สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2561 จึงลงโทษนางลัดดาวัลย์ไม่ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2564

ทั้งนี้ ในการพิจารณากำหนดโทษ ก.ล.ต. ได้นำปัจจัยดังต่อไปนี้มาใช้ประกอบการพิจารณาของ ก.ล.ต. ด้วย ได้แก่ บทบาทความเกี่ยวข้องและพฤติกรรมของบุคคลที่ถูกพิจารณา การลงโทษที่บุคคลนั้นได้รับไปแล้ว ผลกระทบ ความเสียหาย หรือผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น การแก้ไขหรือการดำเนินการอื่นที่เป็นประโยชน์หรือขัดขวางการปฏิบัติงานของ ก.ล.ต. และประวัติหรือพฤติกรรมในอดีตอื่นใดที่แสดงถึงความไม่เหมาะสมที่จะเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน

 

ก.ล.ต. ขอเตือนผู้ลงทุนให้ตรวจสอบยอดเงินลงทุนในกองทุนรวมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การปฏิบัติหน้าที่ได้ และหากมีข้อสงสัยควรติดต่อศูนย์ดูแลลูกค้าของธนาคาร หรือติดต่อที่สายด่วนศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต. โทร. 1207