GLOBAL - ซื้อ

GLOBAL - ซื้อ

มองข้ามผลประกอบการที่อ่อนแอใน 2Q63 ไปได้เลย

Event

อัพเดตข้อมูลของบริษัท แนวโน้มผลประกอบการ 2Q63 ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย และคำแนะนำ

Impact

น่าจะได้อานิสงส์จากกระแสการลงทุนภาครัฐที่จะเกิดขึ้นใน 2H63-1H64

เนื่องจากวัสดุก่อสร้างคิดเป็น ~40% ของยอดขายรวม และสาขาทุกแห่งของ GLOBAL อยู่ในต่างจังหวัดเราจึงเชื่อว่า GLOBAL จะได้อานิสงส์จากกระแสการลงทุนภาครัฐที่กำลังจะเกิดขึ้น (จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายรัฐบาล และงบลงทุนจากพรก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท) เราคาดว่าเงินจากงบส่วนนี้ 2
พันล้านบาทจะไหลไปที่ GLOBAL ใน 2H63-1H64 (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทวิเคราะห์ DOHOME"DO it now" ฉบับวันที่ 1 กรกฎาคม 2563) เราใช้สมมติฐาน net margin 8% และคาดว่าเงินจากงบประมาณดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้บริษัทใน 2H63 และ 1H64 ในสัดส่วน 60%:40% จะทำให้
ประมาณการกำไรมี upside 5% และ 3% (ปี2563-64) ทั้งนี้ เราอาจจะทบทวนประมาณการกำไรของเราอีกครั้งหลังจากที่บริษัทประกาศงบ 2Q63 แล้ว

คาดว่าผลประกอบการจะผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q63

โมเมนตั้มยอดขายเป็นบวกหลังจากการผ่อนคลายมาตรการ lockdown เฟสที่ 2 บรรเทาผลจากยอดขายที่อ่อนแอในเดือนเม.ย. (-40%YoY) และครึ่งแรกของเดือนพ.ค. (-20%YoY) ไปได้บางส่วน ทำให้ SSSG ใน 2Q63 อยู่ที่ -18%YoY ทั้งนี้ เนื่องจากโครงสร้างยอดขายที่มีสัดส่วนสินค้า margin ต่ำเพิ่มขึ้นน่าจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 21.0% (+1.5ppts YoY, -1.6ppts QoQ) ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรสุทธิของ GLOBAL ใน 2Q63 จะอยู่ที่ 290 ล้านบาท (-44% YoY และ -53% QoQ) ซึ่งเป็นระดับกำไรที่ต่ำที่สุดในรอบปีนี้ และฉุดให้กำไรสุทธิใน 1H63 อยู่ที่ 906 ล้านบาท ลดลง 15% YoY และคิดเป็น 51% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

คาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างน่าสนใจถึง 34% ในปี 2564

เราคาดว่าผลประกอบการปี 2564 จะโตถึง 34% YoY เนื่องจาก i) คาดว่า SSSG จะสูงถึง 8.5% จากฐานที่ต่ำในปี 2563 เนื่องจากมีการใช้มาตรการ lockdown ทั่วประเทศในเดือนเมษายน ii) คาดว่าจะมีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเป็น 5 ร้านจากแค่ 2 ร้านในปี 2563) iii) คาดว่าสัดส่วนยอดขายสินค้า House brand เพิ่มขึ้นจาก 19.2% เป็น 19.4%.

Valuation & Action

ถึงแม้ว่าประมาณการกำไรของเราจะยังไม่ได้รวมผลจากกระแสการลงทุนภาครัฐที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เรายังคงคาดว่าผลประกอบการปี 2564F จะเติบโตอย่างน่าประทับใจถึง 34% YoY ทั้งนี้ เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งของกำไร และ upside จากกระแสการลงทุนภาครัฐ เราจึงใช้ PER ที่ 34.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีต +0.5 S.D.) คิดเป็น PEG ที่ 1.0X โดยอิงจาก EPS ปี 2564 ทำให้ได้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 ที่ 19.00 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 14.60 บาท (อ้างอิงวิธีคิดละกระแสเงินสด) และเนื่องจากเหลือ upside อีก 12.4% ในขณะที่แนวโน้มทั้งในระยะสั้น-กลางก็ยังเป็นบวก เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำ
จาก "ถือ" เป็น "ซื้อ"

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง ขยายสาขาได้น้อยกว่าแผนที่วางไว้ ราคาพืชผลอ่อนแอ ภัยธรรมชาติ สินค้าค้างสต็อกเพิ่มขึ้น