ปรับลงต่อ ความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ยังกดดันตลาด

ปรับลงต่อ ความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ยังกดดันตลาด

การลุกลามของสถานการณ์ในสหรัฐฯ ส่งผลให้มุมมองของนโยบายการเงินสหรัฐฯ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดสัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ให้น้ำหนัก 100% ว่า ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 มี.ค.

KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์ปรับลงต่อ... รับรู้ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น และความเสี่ยงที่ว่า GDP ไทยไตรมาส 1/2563 จะติดลบ YoY อิงมุมมองเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ธปท. และมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ KGI... ขณะที่การระบาดของไวรัส Covid-19 ในประเทศหลักๆ ยังรุนแรงขึ้น ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังสหรัฐฯ รายงานผู้เสียชีวิตเป็นรายแรกและจำนวนผู้ติดเชื่อเร่งตัวขึ้น ขณะที่เกาหลีใต้และอิตาลีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้น อย่างมากเช่นกัน ทั้งนี้ การลุกลามของสถานการณ์ในสหรัฐฯ ส่งผลให้มุมมองของนโยบายการเงินสหรัฐฯ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดสัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์
ให้น้ำหนัก 100% ว่า ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 มี.ค.และทางเรามองว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 25 มี.ค. เช่นกัน... ด้านสถานการณ์ภายในประเทศไทยยังเป็นลบเช่นกัน หลังมีผู้เสียชีวิตรายแรกจาก Covid-19 ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยร่วงหนักถึง 10.3% และลงมาต่ำกว่ากรณีแย่สุด (worst case) เดิมที่เราประเมินไว้ที่ 1,430 จุด ซึ่งเป็นเพราะสมมติฐานของประเด็น Covid-19 แย่กว่าที่เราคาด กล่าวคือ ขณะที่การระบาดได้ลุกลามไปในประเทศหลักๆ ที่มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก และส่งผลให้ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจถดถอยกลับมาอีกครั้ง เราจึงทำการคำนวณแนวทางต่างๆ (scenario) ของตลาดหุ้นไทยดังนี้

กรณีปกติ: เราประเมิน GDP ไทยปีนี้ที่ 0.7% และกำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นไทยที่ 89.5 จุด เมื่อผนวกกับระดับ earnings yield gap ที่ 6.0% (อิงช่วงสหรัฐฯ มีภาวะเศรษฐกิจถดถอย) จะคำนวณ SET Index ได้ที่ 1,280 จุด (ปรับลงได้อีก 4.5% จากปัจจุบัน)

กรณีเลวร้าย: เราประเมิน GDP ไทยปีนี้ที่ 0% และกำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นไทยที่ 88.0 จุด เมื่อผนวกกับระดับ earnings yield gap ที่ 6.0% (อิงช่วงสหรัฐฯ มีภาวะเศรษฐกิจถดถอย) จะคำนวณ SET Index ได้ที่ 1,250 จุด (ปรับลงได้อีก 7.0% จากปัจจุบัน)

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เน้นซื้อแนวรับ "หุ้น Stay at Home": ADVANC*, TTW*

- ADVANC* (เป้าพื้นฐาน 257 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 196 บาท และ 190 บาท / แนวต้าน 206 บาท และ 212 บาท (Stop loss 185 บาท) 2) ประเมินเป็นหุ้น Defensive ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆในระดับที่ตํ่า และปันผลสูง +3.5% ต่อปี 3) ฝ่ายวิจัยฯประเมินผลกระทบจากกลงทุน 5G ต่อ
ผลการดำเนินงานหลักและปันผล ในระดับที่ตํ่า

- TTW* (เป้า Consensus 14.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 13.7 บาท และ 13.5 บาท / แนวต้าน 14.2 - 14.4 บาท (Stop loss 13.2 บาท) 2) ประเมินเป็นหุ้น Defensive ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆในระดับที่ต่ำ โดย TTW เป็นหุ้นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ขายน้ำประปาให้ทางการประปาฯ 3) ประกาศปันผล 0.3 บาท/หุ้น ขึน้ XD วันที่ 9 มี.ค. และ Consensus คาดปันผลปี 2563 ราว +4% ต่อปี

หุ้นเชิงปริมาณ & พื้นฐาน "Quantamental"

- กลยุทธ์ Pair trade: แนะนำกลยุทธ์ Pair trade โดยกำหนด Stop loss หากผลขาดทุนจากกลยุทธ์รวมเกิน -5%

       1) Long LH* / Short SPALI* กำไรรวม +1.8% ... เริ่มแนะนำ 27 ก.พ.

       2) Long KBANK* / Short KTB* กำไรรวม +4.4% ... เริ่มแนะนำ 27 ก.พ.

หุ้นมีข่าว

(+) SCB* เคาะ 2 แผนแก้หนี้ PACE (กรุงเทพธุรกิจ) SCB* ใกล้ สรุปแผนฟื้นหนี้PACE เบื้องต้นวาง 2 แนวทาง "ฟื้นฟูกิจการ-ขายสินทรัพย์" คาดชัดเจนไตรมาสแรกปีนี้ ด้านผู้บริหาร PACE หวังเดินหน้าต่อ 2 โครงการ มั่นใจหากแล้วเสร็จโอนได้ จะมีสภาพคล่องมาชำระหนี้ 

(0) 'หมอเสริฐ'สะดุดตอ ฮุบ BH* ส่อแววผูดขาด คกก.แข่งขันทางการค้าปรามต้องขออนุญาตก่อน (ข่าวหุ้น) “หมอเสริฐ” เจอตอ! ตั้งโต๊ะฮุบ BH* ไม่ง่าย! หลัง “คกก.การแข่งขันทางการค้า” ออกมาปราม BDMS* ต้องได้รับอนุญาตก่อนควบรวม BH* ห่วงผูกขาด ฟาก “ชัย โสภณพนิช” ยันกลุ่มโสภณพนิชไม่ขายหุ้น BH* ออกมาแน่! ด้านโบรกฯคาดดีล BDMS* เทนเดอร์ BH* ไม่สำเร็จ

(+) CRC เบ่งกำไร 12,359 ล้านโต 11% ปี นี้ทุ่ม 1.8 หมื่นล้านลุยขยายสาขาใน 3 ประเทศ (ข่าวหุ้น) “เซ็นทรัล รีเทลฯ” ประกาศงบปี 62 มีกำไรสุทธิ 12,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% และมีรายได้รวม 222,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน ขณะที่ปี 63 ทุ่มงบลงทุน 18,000 ล้านบาท ลุยขยายสาขาใน 3 ประเทศ “ไทย-เวียดนาม-อิตาลี”

(+) ดันอี 20 เป็นนํ้ามันพื้นฐาน (ไทยรัฐ) น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้จะหารือร่วมกับผู้ค้าน้ำมัน โรงกลั่นน้ำ มันผู้ผลิตและผู้ค้าเอทานอล เพื่อเตรียมความพร้อมกำหนดให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 (เบนซินผสมเอทานอล 20%) เพื่อกำหนดให้เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐานของประเทศไทยที่กระทรวงพลังงานได้วางเป้าหมายที่จะประกาศใช้ได้ในไตรมาส 3 เพื่อยกระดับราคาอ้อยและมันสำปะหลังที่เป็นพืชหลักในการนำมาผลิตเอทานอล