‘เวิลด์แบงก์’ ชี้ไทยมีทางเลือก 3 กลไกพลิกเกมสู่ประเทศ ‘รายได้สูง’

'เมลินดา กู้ด' จาก ‘เวิลด์แบงก์’ ชี้ไทยมีทางเลือก พร้อมเผย 5 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต กับ 3 กลไก ‘สีเขียว-ดิจิทัล-บริการมูลค่าสูง’ พลิกเกมสู่ประเทศ ‘รายได้สูง’ ปลดล็อกเศรษฐกิจ
"เมลินดา กู้ด" (Melinda Good) ผู้อํานวยการธนาคารโลก ประจําประเทศไทย และประเทศเมียนมา กล่าวในงาน “Thailand Economic Outlook 2026 : Out of the Trap” จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 9 ต.ค.2568 ว่าประเทศไทยมีเป้าหมายในการก้าวสู่ “ประเทศรายได้สูง” ภายในปี 2580 หรือ 10−15 ปีข้างหน้า เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ ไทยต้องเติบโตปีละ 5% แต่ในขณะนี้ไทยเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2% ซึ่งมีช่องว่างถึง 3% และถ้าช่องว่างนี้ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และหากไทยยังเติบโตในอัตรานี้นานเท่าไร ก็ยิ่งห่างไกลจากเป้าหมายมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กู้ดมองว่าประเทศไทยมี “ทางเลือก” มากมาย ทั้งนโยบาย ทำเลที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญมากในเอเชีย มีสถาบันที่แข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพที่สามารถพาประเทศไทยเข้าสู่โลกใหม่
5 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต
ธนาคารโลกพูดถึง 5 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่ประเทศไทยมีมิติความสามารถในการแข่งขันที่จะสามารถเปลี่ยนความปั่นป่วนเหล่านี้ให้เป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตได้
- ครัวของโลก และการเกษตรอัจฉริยะ (Kitchen of the World & Smart Agribusiness)
- บริการดิจิทัล (Digital Services)
- การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และสุขภาพ (Sustainable & Wellness Tourism)
- การผลิตซ้ำ (Remanufacturing)
- เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)
กู้ด มัดรวม 5 อุตสาหกรรมสำคัญให้เป็น "3 จุดเปลี่ยน" สำคัญเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันแห่งอนาคต
1. Go Green ความสามารถในการแข่งขันสีเขียว
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจทำให้ GDP ของไทยลดลงถึง 7−14% ภายในปี 2050 หากไม่มีการรับมือที่ดีพอ ดังนั้นโอกาสอยู่ที่การพัฒนาสู่ “การผลิตสีเขียว” และการทำธุรกิจในตลาดคาร์บอนต่ำ และการสร้างความยืดหยุ่นช่น โครงสร้างพื้นฐานจัดการน้ำเพื่อรับมือกับสภาพภูมิอากาศ
ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โลกกำลังเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเติบโต 5 เท่า และแผงโซลาร์เซลล์ที่เติบโต 3 เท่า ภายในปี 2030 ซึ่งนับเป็นโอกาสครั้งสำคัญของไทย ด้วยความได้เปรียบที่มีอยู่แล้วในฐานะ ผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมชั้นนำของโลก และการเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ไทยยังมีศักยภาพที่สูงมากในมิติของอุตสาหกรรมสีเขียว โดยไทยต้องมีกลยุทธ์เพื่อดึงดูด เงินทุนสีเขียวจากภาคเอกชนซึ่งมีอยู่มหาศาล กว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีเพียง 14% ที่ เท่านั้นที่ไหลไปยังประเทศกำลังพัฒนานอกประเทศจีน
ดังนั้นเพื่อดึงดูดเงินทุนไทยต้องพัฒนา “การเงินสีเขียว” ทั้งเรื่องการกำกับดูแลที่สร้างความเชื่อมั่นในตลาด เช่น พันธบัตรสีเขียวและสีน้ำเงิน พันธบัตรที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน และตลาดคาร์บอน ซึ่งการเข้าถึงตลาดคาร์บอนอาจช่วยเพิ่ม GDP ได้ถึง 1%
2. Go Digital ความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัล
บริการดิจิทัลเติบโตขึ้น 5 เท่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และตำแหน่งงานด้านไอทีก็เพิ่มขึ้น 4 เท่า ดังนั้นหากไทยสามารถไล่ตามประเทศเพื่อนบ้านได้อุตสาหกรรมดิจิทัลไทยจะดึงดูดเงินทุนร่วมลงทุนเพิ่มได้ถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากไทยเองก็มีเครื่องมือพร้อม ทั้ง บรอดแบนด์มือถือ ระบบพร้อมเพย์ และการลงทุนในศูนย์ข้อมูล
ทว่า “ความท้าทาย” ที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมนี้คือ ทักษะ เพราะมีคนไทยเพียง 5% เท่านั้นที่มีทักษะดิจิทัลระดับกลาง และเพียง 1% ที่มีทักษะขั้นสูง
ดังนั้นการยกระดับทักษะดิจิทัล จึงเป็นกุญแจสำคัญ เพราะนอกจากจะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและให้ผลตอบแทนสูงแล้ว ยังเป็นสะพานเชื่อมสู่ความ ครอบคลุม ทางเศรษฐกิจ ทั้งสำหรับผู้หญิง SME และการดึงศักยภาพของ ประชากรสูงวัยที่ยังทำงานได้
3. Go for High Value Services ความสามารถในการแข่งขันด้านบริการ
ภาคบริการคิดเป็นสัดส่วนสำคัญของ GDP โลกถึง 2 ใน 3 ทั้งการลงทุน และการค้าสำหรับไทย 3 ใน 4 ของผลิตภาพส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการซึ่งไทยมีความได้เปรียบ เช่น สุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และฟินเทค
ไทยถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มี “ข้อจำกัด” ในการค้าบริการมากที่สุด ทำให้บริษัทไทยขยายตัวในประเทศยาก และบริษัทชั้นนำต่างชาติหันไปเลือกประเทศเพื่อนบ้านแทน เนื่องจากข้อจำกัดในอุตสาหกรรมบริการ
ดังนั้น เวิลด์แบงก์ชี้ข้อเสนอแนะ 2 ส่วนสำคัญ
1) ปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อดึงดูดการลงทุน เช่น การผ่อนคลายข้อกำหนดด้านความเป็นเจ้าของภายใต้ พ.ร.บ. ธุรกิจต่างชาติ
2) แสวงหาข้อตกลงทางการค้าในภาคบริการ สิ่งนี้จะช่วยพัฒนาทักษะในประเทศ และผลักดันในผลผลิตเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้ไทยเป็น “ศูนย์กลางระดับภูมิภาค” สำหรับบริการดิจิทัลและบริการสีเขียว และเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม
โอกาส 'ไทย' โชว์วิสัยทัศน์โลก
ทั้งหมดทั้งมวลคือ “อุตสาหกรรมแห่งอนาคต” ที่เวิลด์แบงก์มองว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการปลดล็อกเศรษฐกิจไทยสู่ประเทศ “รายได้สูง”
ปีหน้า ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งเปรียบเสมือนงานระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่นำไปสู่การพัฒนา จากการพูดคุยระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงการคลังทั่วโลก ผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีจากภาคส่วนอื่นๆ บริษัทขนาดใหญ่ นักลงทุนรายใหญ่ มหาวิทยาลัยชั้นนำ จะมารวมตัวกัน ซึ่งเป็น “โอกาส” ของไทยในการแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์แห่งอนาคต และวิธีที่ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบทั้งหมดเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหล่านี้







