เคลื่อนไหวในกรอบ 1,520-1,555 จุด ระหว่างรอประชุม ECB / FED

เคลื่อนไหวในกรอบ 1,520-1,555 จุด ระหว่างรอประชุม ECB / FED

ตลาดรอติดตามการประชุม ECB คืนนี้ โดยคาดจะเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% (หรืออาจถึง 0.25%) แต่ประเด็นที่ตลาดให้น้ำหนักจะอยู่ที่การประกาศรายละเอียดของมาตรการกลไกช่วงเปลี่ยนผ่านการขึ้นดอกเบี้ย (Transmission protection mechanism)

ที่จะช่วยควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของประเทศที่เศรษฐกิจและฐานะการคลังยังอ่อนแอ ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการทำ QE แบบเจาะจงรายประเทศ ซึ่งหากกลไกดังกล่าวสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน เราน่าจะได้เห็นค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น และเสถียรภาพของยุโรปที่ดีขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกให้กับสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตามภาพการลงทุนระยะสั้นอาจยังเป็นการแกว่งตัวในกรอบจนกว่าแรงกดดันจากการรายงานผลประกอบการ และการปรับลดประมาณการของบจ.จะทยอยหมดลง

ความผันผวนสินทรัพย์ดิจิทัลอาจกระทบจิตวิทยาการลงทุนในบางบริษัท โดยมีกรณีสำคัญที่เราติดตาม 2 กรณี ได้แก่ 1) ZipMex ระงับการถอนสินทรัพย์ช่วงสั้นช่วงเย็นวันที่ 20 ก.ค. เนื่องจากปัญหาของผลิตภัณฑ์การฝากเงินดิจิทัลดอกเบี้ยสูง (ZipUp+) มีปัญหา จากการที่เงินดังกล่าวนำไปลงทุนฝากในแพลตฟอร์มฝากสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีปัญหาสภาพคล่องและอาจล้มละลาย อย่าง Barbel และ Celsius (จากกรณีของเหรียญ LUNA) ทั้งนี้บริษัทจดทะเบียนที่มีการเข้าถือหุ้นใน ZipMex ได้แก่ BAY, MACO (190 ล้านบาท) และ PLANB (64 ล้านบาท) อาจได้รับผลกระทบจากความกังวล 2) SCBX บริษัทมีการจัดสรรเงิน 50-110 ล้านเหรียญฯ ให้บริษัทย่อย SCB10x ไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเรามองว่าอาจได้รับความเสียหายจากปัญหาของเหรียญ LUNA เช่นกัน (คาด SCB10x มีเหรียญ LUNA ในปริมาณมากพอสมควรจากการเป็น node validator และผู้บริหาร SCB10x เป็น 1 ในกรรมการของ Luna Foundation Guard) เราคาด SCBX จะรายงานผลประกอบการวันนี้ (21 ก.ค.)
 

 

 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN  5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 6) กลุ่มถ่านหิน ราคาอาจฟื้นตัว หรือได้ประโยชน์หากรัสเซียลดหรือระงับการส่งก๊าซที่ Nord stream 1 หลัง 21 ก.ค. BANPU

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว 1,520-1,555 หากผ่านได้จะเพิ่มโอกาสเก็งกำไรเชิงบวกในกรอบที่สูงขึ้น ภาพใหญ่เน้นรอซื้อ 1) กลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ค้าปลีก) 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน (DR และ ETF อิงหุ้นจีน) ขณะที่เก็งกำไรระยะสั้น มองหุ้นอาหาร ปลอดภัย การเงิน หุ้นที่ลงมากจากประเด็นพม่า มีความน่าสนใจ  //หุ้นแนะนำ:  IVL*, SPA*, MTC*, TRUE*

แนวรับ: 1,530 / แนวต้าน : 1,555 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

 

 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองต่ำสุดรอบ 2 ปี - ลดลง 5.4% สู่ระดับ 5.12 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. ต่ำสุดนับตั้งแต่มิ.ย.2563 และเป็นการปรับตัวลง 5 เดือนติดต่อกัน

สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองต่ำสุดรอบ 22 ปี – ลดลง 6.3% ในสัปดาห์ที่แล้ว แตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2543 จากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ปรับตัวขึ้น

จีนพบผู้ติดเชื้อโควิดรายวันทะลุ 1 พันรายเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน- โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ 150 ราย และไม่แสดงอาการ 862 ราย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.ปีนี้ที่จีนพบผู้ติดเชื้อรายวันสูงกว่า 1,000 ราย

JASIF เตรียมขอผู้ถือหน่วยอนุมัติ JAS ขายหน่วยลงทุนก่อนกำหนด –เปิดทาง ADVANC เข้าทำธุรกรรม ด้านรายย่อยส่งหนังสือถึง ก.ล.ต. ขอให้ช่วยเข้ามาคุ้มครองนักลงทุน

ผลประกอบการกลุ่มธนาคาร - ส่วนใหญ่ดีกว่าคาด ส่วนใหญ่มาจากการตั้งสำรองที่ลดลง โดย KKP (EPS Bt2.40 v Bt2.22), BAY (EPS Bt1.06 vs 0.97), TTB (EPS Bt0.036 vs 0.030) สำหรับ KBANK (EPS Bt4.56 vs 4.78) กำไรออกมาต่ำกว่าคาดการณ์เฉลี่ยของ Concensus เล็กน้อย แต่ยังเติบโตขึ้น 21% YoY 

ความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม - ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.65 อยู่ที่ระดับ 86.3 เพิ่มขึ้นจากระดับ 84.3 ในเดือนพ.ค.65 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยมีปัจจัยบวกจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19

TRUE+DTAC – เตรียมแถลงข่าวชี้แจงควบรวม 22 ก.ค.นี้

IPO เข้าซื้อขายวันแรก – 21 ก.ค. UBOT (ETF) /22 ก.ค. XIAOMI80 (DR) และ BYDCOM80 (DR)

 

ประเด็นติดตาม: 21 ก.ค. - ECB Interest Rate Decision, US Initial Jobless Claims / 22 ก.ค. – US & EU Manufacturing PMI / 26 ก.ค. – US New Home Sales, US CB Consumer Confidence / 27 ก.ค. - Fed Interest Rate Decision

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
 

 

 

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)