หุ้นไอพีโอ ‘FTI’ เดินหน้าระดมทุน ขยายสาขาใน-ต่างประเทศ

หุ้นไอพีโอ ‘FTI’ เดินหน้าระดมทุน ขยายสาขาใน-ต่างประเทศ

โควิด-19 กลุ่มสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภคกลายเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงต่อเนื่อง !! จาก “ผู้คน” ให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทน้ำดื่มที่ปลอดภัย ได้รับผลบวกจากความต้องการ

            ต้องยกให้ บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ FTI ประกอบธุรกิจนำเข้า ประกอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำ (Water Treatment) ครบวงจรทั้งในประเทศ และในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้ตราสินค้า 23 แบรนด์ของ “ตระกูลภูวพัชร์” ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 71.11%

            บริษัทน้องใหม่กำลังจะเข้าระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป  (IPO)  จำนวน 130 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาขายหุ้นละ 2.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นค่าพีอีเรโชว์ 30.92 เท่า ซึ่งเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 19 พ.ค. 2565 

“ดร.วิกร ภูวพัชร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ FTIให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า การเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นครั้งนี้ !จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากทำให้ฐานะทางการเงินแข็งแกร่งหลังบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียน และเป็นการเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้สามารถรองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมๆ กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการให้กับลูกค้าจากการปรับปรุงพื้นที่คลังสินค้าและส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

        เนื่องจากบริษัทมี “เป้าหมาย” เพื่อยกระดับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำอย่างครบวงจร สะท้อนผ่านเงินระดมทุนจะไปขยายการ “ลงทุน” ในตัวแทนจำหน่าย ภายในปี 2565-2567ประกอบด้วย การขยายร้าน Aquatekจำนวน 50 สาขา ,ขยายร้าน Water Store จำนวน 5 สาขา

       รวมทั้งเพื่อใช้ในการตกแต่งอาคารจัดแสดงสินค้าและจัดจำหน่ายสินค้าใหม่ และใช้ในการปรับปรุงอาคารคลังสินค้า ในปี 2565-2566เช่น การปรับปรุงขยายพื้นที่คลังสินค้าและลงทุนในระบบการจัดการคลังสินค้า และติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และใช้ในการขยายกำลังการผลิตประกอบ ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 25-30%  ขยายฐานผู้บริโภคให้ครอบคลุมทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านผ่านร้านค้าและผู้จัดจำหน่ายกว่า 600 ราย ซึ่งเป็นผู้ขายสินค้าของบริษัทให้ร้านขนาดเล็กหรือขายปลีกให้ผู้บริโภคคนสุดท้าย (End User) ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัท ทั้งนี้บริษัทได้พัฒนาผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของร้าน Water Store เพื่อสร้างจุดขายเฉพาะผลิตภัณฑ์และตราสินค้าของบริษัทเท่านั้น ซึ่งจะทำให้บริษัทพัฒนาศักยภาพความสามารถในการทำผลการดำเนินงานได้ดีขึ้น

        ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจของบริษัทจะครอบคลุมฐานผู้บริโภคสินค้ากลุ่มหลักทุกกลุ่มได้แก่ ประเภท”กลุ่มผู้ใช้เชิงพาณิชย์-ผู้บริโภคในครัวเรือนและกลุ่มอุตสาหกรรม” ซึ่งแบ่งตามปริมาณการบริโภคน้ำ ที่ผ่านมาผู้บริโภคกลุ่มใช้เชิงพาณิชย์ เช่น โรงงานผลิตน้ำดื่ม/น้ำแข็ง ร้านอาหาร เป็นกลุ่มผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ของบริษัทในสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด

        อย่างไรก็ตาม บริษัทเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของ “ผู้บริโภคกลุ่มครัวเรือน” ซึ่งให้ความสำคัญกับการบริโภคน้ำที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง บริษัทจึงมีแผนที่จะขยายตัวแทนจำหน่ายโดยมุ่งเน้นการขยายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตลาดบนซึ่งบริษัทประเมินว่ายังมีศักยภาพในการเติบโตภายใต้ร้าน Aquatekซึ่งจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายใต้แบรนด์ Aquatek

        ณ ปัจจุบัน บริษัทมีร้านตัวแทนจำหน่าย Water Store รวม 19 สาขา ตั้งอยู่ประเทศไทย 16 สาขา และในต่างประเทศ 3 สาขา และมีแบรนด์สินค้าที่หลากหลาย

       “รวมถึงบริษัทมีแผนขยายตัวแทนจำหน่ายผ่านร้าน Aquatekและร้าน Water Store เพื่อขยายฐานผู้บริโภคครอบคลุมทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน อย่างสปป.ลาว เมียนมา และกัมพูชา ยิ่งทำให้ผลประกอบการ รวมถึงปัจจัยพื้นฐานของ FTI มีความมั่นคงเพิ่มมากขึ้น”

       สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงปี 2562-2564 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 738.53 ล้านบาท 875.77 ล้านบาท และ720.75 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 37.75 ล้านบาท 70.30 ล้านบาท และ36.39 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 5.11% 8.03% และ 5.05% ตามลำดับ

       ท้ายสุด “ดร.วิกร”บอกไว้ว่า เราหวังนำเงินระดมทุนเพื่อขยายสาขาตัวแทนจำหน่าย Aquatek-Water Storeพร้อมขยายกำลังการผลิตประกอบ ปรับปรุงคลังสินค้าเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต