TIDLOR ประมาณการ 1Q65F: โตสินเชื่อรถบรรทุกด้วยยีลด์ตํ่า

TIDLOR ประมาณการ 1Q65F: โตสินเชื่อรถบรรทุกด้วยยีลด์ตํ่า

คาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q65F จะอยู่ที่ 905 ล้านบาท (+14% QoQ, +16% YoY) ประมาณการของเราอิงจากสมมติฐานดังต่อไปนี้ i) สินเชื่อจะยังขยายตัวอย่างแข็งแกร่งจากการขยายสินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุก และการออกบัตรติดล้อเพิ่มให้กับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์

ii) yield สินเชื่อลดลงเนื่องจากบริษัทใช้กลยุทธ์ลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นยอดสินเชื่อ และ iii) ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นการเติบโต QoQ เป็นผลจากฐานคชจ.ดำเนินงานสูงในการผลตอบแทนพนักงาน ส่วนกำไรเติบโต YoY เป็นผลจากสินเชื่อที่เติบโต และรายได้ค่าธรรมเนียม

 

สินเชื่อขยายตัวอย่างแข็งแกร่งเนื่องจากมีการขยายแคมเปญดอกเบี้ยตํ่า

TIDLOR ขยายเวลาดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำ (จากธันวาคม 2564 ถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2565) โดยให้
ส่วนลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประมาณ 3% จากอัตราปกติเพื่อขยายสินเชื่อจำนำทะเบียน นอกจากนี้ บริษัท
ยังเพิ่มจำนวนบัตรติดล้อให้กับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ด้วย ซึ่งทำให้ลูกค้าที่เข้าเกณฑ์สามารถเบิก
เงินกู้ได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับสินเชื่อที่ปล่อยผ่านบัตรติดล้อจะต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ย
ปกติ 1% โดยในปัจจุบัน มีลูกค้าประมาณ 10% ของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ และ 80% ของสินเชื่อ
จำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ที่ยื่นขอเข้าร่วมแคมเปญนี้แล้ว

 

Yield และ margin ถูกกดดัน

การใช้กลยุทธ์ด้านราคาทำให้บริษัทสามารถขยายสินเชื่อได้ แต่ก็ส่งผลกระทบกับ yield สินเชื่อ และ
margin โดย yield สินเชื่อที่ลดลงมาแล้ว 30bps QoQ ใน 4Q64 น่าจะลดลงต่ออีกเหลือ 16.8% และกดดันให้ margin ลดลงเหลือ 14% (จากเฉลี่ย 14.6% ใน 1H64)

 

คุณภาพสินทรัพย์ - credit cost เพิ่มขึ้น

จากการที่คชจ.สำรองฯ ( credit cost) ใน 4Q64 ต่ำเกินไปที่ไม่ถึง 1% เราคาดว่า credit cost จะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ โดยเราใช้สมมติฐาน credit cost ที่ 1.3% ใน 1Q65F (จากเป้าปีนี้ที่ 150bps) เพิ่มขึ้นจาก 72bps ใน 4Q64

 

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลง 4% โดยยังคงราคาเป้าหมายปี 2565F ไว้ที่ 37.50 บาท (PE ที่ 21x)

เราใช้สมมติฐานอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นจากเดิม 40bps
ในปี 2566 (จากที่คาดว่าจะยังเป็นไปตามคาดในปี 2565 เนื่องจากต้นทุนทางการเงินในปัจจุบันอยู่ใน
ระดับต่ำ) แต่ยังคงใช้สมมติฐานอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2565/2566 เอาไว้เท่าเดิมที่ 15%/20%
และคงสมมติฐาน credit cost ปี 2565/2566 ไว้ที่ 1.2% ของสินเชื่อ ทั้งนี้ เมื่อใช้ PE ที่ 21x (PEG ที่ 1.0x) ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2565F ที่ 37.50 บาท และยังคงคำแนะนำถือ

 

Risks

ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น, สัดส่วน C/I ยังสูง, อัตราการขยายตัวของค่านายหน้าประกันไม่เป็นไปตามคาด