อัตราดูดซับคอนโดพุ่งสูงสุดในรอบ3ปีผู้ประกอบการหั่นราคาขายกำเงินสด
คอลลิเออร์ส เผยคอนโดไตรมาสแรกคึกคักเปิดขายใหม่สูงสุดในรอบ 8 ไตรมาสจำนวน1.4หมื่นยูนิตมูลค่ากว่า 3.4หมื่นล้านบาทและอัตราดูดซับคอนโดพุ่งสูงสุดในรอบ3ปีเฉลี่ยอยู่ที่62 % เหตุระดับราคาต่ำ1แสนบาทต่อตร.ม.ตอบโจทย์เรียลดีมาด์และนักลงทุน
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดในกรุงเทพฯไตรมาสแรกปี2565 พบว่าตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้งทั้งในส่วนของอุปทานเปิดขายใหม่และในฝั่งของผู้ซื้อ ซึ่งพบว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ถึง 16 โครงการ 14,088 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 34,636 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นอุปทานเปิดขายใหม่ที่สูงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาสที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง241.3%
โดยอุปทานเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่ยังคงขับเคลื่อนด้วยผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์มากถึง 8,022 ยูนิตหรือคิดเป็น 56.9% ของอุปทานที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม24,593 ล้านบาท และผู้พัฒนานอกตลาดหลักทรัพย์อีก 6,066 ยูนิตหรือคิดเป็น43.1% ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม10,043 ล้านบาท และส่วนใหญ่พบว่าผู้พัฒนายังคงเลือกที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นที่รอบใจกลางเมืองและพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอก ในระดับราคาขายต่อตารางเมตรต่ำกว่า 100,000 บาท หรือยูนิตละ1ล้านบาทต้นๆ
จากราคาขายดังกล่าว ส่งผลให้อัตราดูดซับ หรืออัตราขายเฉลี่ยรวมของคอนโดช่วงไตรมาสแรกปีนี้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งพบว่าเป็นอัตราขายเฉลี่ยรวมที่สูงที่สุดในรอบ 13 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยพบว่ามีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 62%
เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่บางโครงการทั้งในพื้นที่เมืองชั้นในและในพื้นที่นอกเมืองด้านทิศตะวันออกมีลูกค้าให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ปิดการขายไปกว่า70% ในช่วงระยะเวลาของการเปิดขายในช่วงพรีเซลล์เท่านั้นและบางโครงการสามารถปิดการขายไปมากกว่า90%
ทั้งนี้ เนื่องจากระดับราคาที่ตอบสนองกำลังซื้อทั้งในส่วนของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยและกลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจเข้าซื้อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมองว่าโครงการเหล่านี้ยังสามารถทำกำไรต่อได้ในอนาคต
นอกจากนี้พบว่า ผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์บางส่วนเลือกใช้วิธี Short Cut ด้วยการเข้า take over โครงการคอนโดมิเนียมอื่นๆ เนื่องจากมองว่าเป็นการประหยัดเวลา และได้ราคาที่ดีเพื่อนำมาพัฒนาต่อ
นายภัทรชัย กล่าวว่า ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ผู้พัฒนาอสังหาฯส่วนใหญ่ยังคงเดินหน้าประกาศแผนเปิดตัวโครงการใหม่กันอย่างคึกคัก เช่น โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ เปิดขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ถึง 4 โครงการ ด้วยจำนวนยูนิตขายใหม่กว่า 3,394 ยูนิต และพบว่าบางโครงการสามารถปิดการขายไปกว่า70%ในช่วงของการพรีเซลล์เท่านั้น
นอกจากนี้พบว่ามีโครงการขนาดใหญ่ที่มียูนิตขายมากกว่า 5,000 ยูนิต คือโครงการรีเจ้นท์ โฮม บางนา ตั้งอยู่บนถนนสรรพาวุธ พัฒนาโดย รีเจนท์ กรีน เพาเวอร์ ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมากสามารถปิดการขายไปกว่า90%อย่างรวดเร็วในช่วงของการเปิดขายอย่างเป็นทางการเท่านั้น
สะท้อนให้เห็นว่าตลาดเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง กลุ่มลูกค้าให้ความสนใจเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการที่พวกเขามองว่ายังสามารถทำกำไรต่อได้ รวมถึงตั้งอยู่บนทำเลที่ดีและราคาที่น่าสนใจ และพบว่าผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์บางส่วน ยังคงมีการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในทำเลที่มั่นใจในกำลังซื้อหรือทำเลที่มีลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ชัดเจน เช่น โรงพยาบาลชั้นนำ หรือห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
