“เศรษฐา 2” โฟกัส “บิ๊กเล็ก” กระชับอำนาจ-ดีลยิ่งลักษณ์

“เศรษฐา 2” โฟกัส “บิ๊กเล็ก” กระชับอำนาจ-ดีลยิ่งลักษณ์

บรรยากาศเดือนเมษาฯว่าร้อนจัด ระอุแดดแผดเผาแล้ว กระแสร้อนปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) กลับยิ่งกว่า จากเดิมที่แม้แต่ นายเศรษฐา ทวีสิน ยังพยายามสยบข่าว แต่ช่วงสงกรานต์ที่เชียงใหม่ และหลังจากเข้ารดน้ำดำหัวขอพร นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า กระแส “ปรับ ครม.” ในอีกไม่นานพุ่งเป็นปรอทแตก

คงไม่ต้องบอกว่า งานนี้ใคร “ของแทร่”? 

 

ส่วนโผ ครม. “เศรษฐา 2” ที่ค่อนข้างนิ่งแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทย และสื่อหลายสำนักก็รายงานตรงกัน คือ 

 

1. นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

 

2. นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และประธานบริษัทบางจากคอร์ปอเรชั่น เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นัยว่าเพื่อดันดัชนีตลาดหุ้นให้กระเตื้องขึ้น หลังจากตกต่ำต่อเนื่อง  

 

3. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ควบรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง

 

4. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

 

5. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล มือเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ที่มีความรอบรู้เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต และใกล้ชิดกับ “เดอะอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย” รมว.พาณิชย์ จะมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

 

6. นายจักรพงษ์ แสงมณี คนใกล้ชิด “นายกฯ เศรษฐา” จะโยกจากรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ มาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

7. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 

8. น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สลับเก้าอี้กับ “เสริมศักดิ์”

 

9. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ จะขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม โดยใช้โควตาพรรครวมไทยสร้างชาติ แทน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่หลุดออกจากตำแหน่ง

 

10. น.ส.จิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ส.ส.เขต 5 ร้อยเอ็ด หลายสมัย มาแรงแซงโค้งที่จะคว้าเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด กรณี “สุดาวรรณ” อาจยังคงอยู่โยงตำแหน่ง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เหมือนเดิม โดย“เสริมศักดิ์” อาจไปเป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย 

 

ส่วนคนที่อาจถูกปรับออก ประกอบด้วย

  1. นายชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข
  2. นายสุทิน คลังแสง รมว.กระทรวงกลาโหม
  3. “เจ๊แจ๋น” นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ
  4. นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์
  5. นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย
  6. นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ

 

แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีโอกาสพลิกโผได้อีก ตราบใดที่ยังมีเวลา ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าโผปรับครม. ที่สื่อรายงานค่อนข้างตรงกันนั้น จะแม่นยำแค่ไหน 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ จุดโฟกัสจึงอยู่ที่ตำแหน่งของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือ “บิ๊กเล็ก” เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายสุทิน คลังแสง) ที่จะขยับขึ้นเป็น รมช.กลาโหม จริงหรือไม่

 

เพราะต้องไม่ลืมว่า “บิ๊กเล็ก” เป็น “คนใกล้ชิด” ของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และก่อนหน้านี้ช่วงฟอร์มรัฐบาลเศรษฐา ก็มีข่าวว่าถูกวางตัวเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยซ้ำไป แต่ในที่สุดเมื่อมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความสัมพันธ์กับกลุ่มอำนาจเก่า จึงได้เป็นแค่ “เลขานุการรัฐมนตรี” ทำหน้าที่จัดการภายในกองทัพแทนรัฐมนตรี และตอกย้ำให้เห็นว่า การขึ้นมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม “ดีลลับ” ยังอยู่? และยังมีแนวโน้มเดินหน้าต่อไป

สำหรับ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นอกจากมีความใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประยุทธ์” แล้ว ยังเคยนั่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)ช่วงปี 2563 รวมถึงมีสัมพันธ์อันดีกับ “บิ๊กตู่” ในสมัยรับราชการอยู่ที่กองทัพบก(ทบ.)ด้วย  

 

ที่สำคัญ “บิ๊กเล็ก” ยังเป็นเตรียมทหารรุ่นที่ 20 (ตท.20)โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 31 รุ่นเดียวกับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการพระราชวัง อดีต ผบ.ทบ. ที่เติบโตคู่กันมาในกองทัพบก

 

ไม่เพียงเท่านั้น ประวัติการทำงานก็นับว่าน่าสนใจ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล เคยรับราชการทหาร เป็นผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ เมื่อปี พ.ศ. 2531 ต่อมาเป็นอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก อาจารย์วิทยาลัยการทัพบก เป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก ในปี พ.ศ. 2558 เป็นรองเสนาธิการทหารบก พ.ศ. 2559 และหัวหน้าส่วนอำนวยการ สำนักงานเลขาธิการ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ พ.ศ. 2559

 

ในปีต่อมาเป็นเสนาธิการทหารบก และเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก พ.ศ. 2561 - 2563จากนั้นจึงโอนย้ายมาเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2563 ในระหว่างนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานกรรมการในคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) รองหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลาง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรรมการในคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ

 

ในภาคธุรกิจ เขาได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ บริษัท ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2561 - พ.ศ. 2563 และกรรมการอิสระและกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดี บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2562 - พ.ศ.2563(ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

 

 

ที่น่าจับตามองไปกว่านั้น เกี่ยวกับการมานั่งเก้าอี้ รมช.กลาโหม ของ “บิ๊กเล็ก” ยังรวมไปถึง “ดีล” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไทยด้วย  

 

เพราะถ้าฟังจากคำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะไปเที่ยวสงกรานต์ที่เชียงใหม่ ที่ว่า สงกรานต์ปีหน้า “ยิ่งลักษณ์” คงได้มีโอกาสมาทำบุญด้วยกัน เพราะอยากกลับและตั้งใจจะกลับภายในปีนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ อย่างไร ทั้งนี้หากจะมีเสียงวิจารณ์ เราต้องมีเหตุผลตอบสังคมส่วนใหญ่ได้ ดูเหมือนค่อนข้างมั่นใจ และเตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว

 

ดังนั้นประเด็น การปรับครม. ของรัฐบาลเศรษฐา นอกจากเอาคนลงตำแหน่งให้ถูกฝาถูกตัว เพื่อรีบสร้างผลงานแล้ว ที่เป็นเป้าหมายหลักอย่างแท้จริง อาจอยู่ที่ทำตาม “ดีล” ที่ตกลงกันไว้หรือไม่ 

 

นั่นหมายถึง การสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ขึ้นมาอีกระดับ กระชับอำนาจให้เหนียวแน่นความมั่นคงยิ่งขึ้น เพราะอย่าลืมว่า ความต้องการของ “ทักษิณ” ไม่เพียงแต่ตัวเองได้กลับบ้านแบบเท่ๆ ไม่ต้องติดคุก เท่านั้น 

 

หากแต่ดีล “ยิ่งลักษณ์กลับไทย” ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะตราบใดที่ “ทักษิณ” ยังทิ้ง “น้องสาว” เอาไว้ต่างประเทศ ตราบนั้น การได้เป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ได้อำนาจรัฐมาไว้ในมือก็เปล่าประโยชน์?  

 

แล้วก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่ “ทักษิณ” จะต้องทำให้ได้ด้วย 

 

อย่าลืม คดีและโทษ “ทักษิณ” หนักหนาสาหัสแค่ไหน ยังทำได้ ของ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ได้เศษเสี้ยวด้วยซ้ำ ทำไม “ดีลยิ่งลักษณ์กลับบ้าน” โมเดลเดียวกับ “ทักษิณ” จะเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างอาจลงเอยหลังการปรับ ครม.ก็เป็นได้ จับตาดูให้ดีก็แล้วกัน!?