เคล็ด(ไม่)ลับ ‘เลิกเกณฑ์ทหาร’

เคล็ด(ไม่)ลับ ‘เลิกเกณฑ์ทหาร’

หากรากเหง้าปัญหาที่แท้จริงไดรับการแก้ไขปัญหาถูกจุด ควบคู่กับการบริหารจัดการที่ดีของ "รัฐบาล-กองทัพ" ประเทศไทยอาจได้เห็นชายไทยมาสมัครใจ 100% โดยไม่ต้องบังคับ "เกณฑ์ทหาร"

KEY

POINTS

  • ปัจจุบัน "พลทหาร" มีความเป็นอยู่ และได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดี เมื่อเข้ามาอยู่ในค่ายทหาร จนทำให้รู้สึกถูกลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
  • ทหารสัญญาบัตร มอง“พลทหาร”เป็น ทหาร เฉกเช่นตัวเอง และมองเป็น“น้องคนเล็กของกองทัพ”ตามสโลแกนที่ตั้งไว้หรือไม่
  • ทหารยศสูงทั้งในราชการ และที่เกษียณฯได้รับโควตา นำ"พลทหารบริการ"ไปใช้ส่วนตัวได้
  • เรื่องอาหารการกิน และความเป็นอยู่ภายในค่าย มีคุณภาพตรงปกตามที่กองทัพหรือหน่วยทหารโพสต์รูปลงในโซเชียลมีเดียหรือไม่

หากรากเหง้าปัญหาที่แท้จริงไดรับการแก้ไขปัญหาถูกจุด ควบคู่กับการบริหารจัดการที่ดีของ "รัฐบาล-กองทัพ" ประเทศไทยอาจได้เห็นชายไทยมาสมัครใจ 100% โดยไม่ต้องบังคับ "เกณฑ์ทหาร"

โค้งสุดท้าย ก่อนเข้าสู่การตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ ประจำปี 2567 (ทหารเกณฑ์) ระหว่างวันที่ 1-12 เมษายน หากไม่นับช่วงโควิด-19 ระบาด ปีนี้ “กองทัพ” หั่นตัวเลขความต้องการต่ำสุดเป็นครั้งประวัติศาสตร์ จำนวน 8.9 หมื่นนาย คิดเป็น 70%

โดยตัวเลข 8.9 หมื่นนาย มาจากการประเมินสถานการณ์ พบว่าปีนี้ประเทศไม่มีความเสี่ยงที่ต้องใช้กำลังขนาดใหญ่ แต่หากปีไหนมีแนวโน้มไม่สู้ดี ก่อให้เกิดความรุนแรง กองทัพจะเพิ่มการเกณฑ์ทหารเป็น 9,6000 นาย คิดเป็น 90% และเต็มรูปแบบ 100% คือ 120,000 นาย กรณีเกิดการสู้รบ ภัยสงคราม

ทว่า ตัวเลข 8.9 หมื่นนาย ยังห่างไกลนักเมื่อเทียบกับยอดผู้สมัครใจ ด้วยวิธีร้องขอ(กรณีพิเศษ)ด้วยระบบออนไลน์ ซึ่งดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว มีผู้สมัครทั้งสิ้นเกือบ 40,000 คน แต่มีผู้ผ่านคุณสมบัติ และการทดสอบสมรรถภาพร่างกายเพียง 1,4000 คน

ส่วนอีก 20,000 กว่าคน บางส่วนเปลี่ยนใจไม่มารายงานตัว ส่วนที่มารายงานตัว พบว่าไม่ได้ตรงตามมาตรฐานที่กองทัพกำหนดไว้ เช่น ร่างกายไม่ได้ขนาด ทั้งส่วนสูงและน้ำหนัก มีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น โรคอ้วน ผอม ซึมเศร้า ส่วนที่ผ่านก็ได้ทหารเกรดซี เกรดดี

“สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม หวังใช้โค้งสุดท้ายนี้จูงใจชายไทยสมัครเป็นทหารในวันตรวจเลือกจริง โดยใช้เครือข่ายสัสดีที่มีอยู่ทั่วประเทศ โหมประชาสัมพันธ์ชี้ให้เห็นข้อดี และสิ่งจะได้รับในการสมัครเป็นทหาร แบบส่งตรงถึงประตูหน้าบ้าน แบบ Face to face

พร้อมชูโปรโมชั่นสวัสดิการ ไม่ต่างกับ 4 ปีก่อน เช่น เงินเดือน 10,000 บาท มีโอกาสศึกษาต่อ พร้อมทุนเรียนฟรีในอนาคต ฝึกอาชีพ ได้คะแนนพิเศษสอบเข้าทำงานกับกองทัพ กรณีอยู่ครบ 2 ปี ได้สิทธิสอบเข้านายสิบทหารบก นายสิบตำรวจ แต่ที่เพิ่มเติมมา ติดตั้งเสาธงชาติที่หน้าบ้าน เพื่อยกย่อง เชิดชูเกียรติ

หวังให้ชายไทยที่มีอายุครบกำหนดต้องเกณฑ์ทหารในปีนี้ ให้สมัครในวันตรวจเลือกจริง ให้ได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงกับความต้องการมากที่สุด หรือหากต้องมีการจับ “ใบดำ-ใบแดง” ก็ให้น้อยที่สุด เพื่อวางเป้ายกเลิกเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนมาสมัครใจ 100% ในอนาคต

แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาล โดยเฉพาะกองทัพ ต้องยอมรับความจริงก่อนว่า ปัจจุบันทหารเกณฑ์ หรือพลทหาร มีความเป็นอยู่ และได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดี เมื่อเข้ามาอยู่ในค่ายทหาร จนทำให้รู้สึกถูกลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ทหารสัญญาบัตร ตั้งแต่ระดับ พลเอก พันเอก ร้อยเอก มอง“พลทหาร”เป็น ทหาร เฉกเช่นตัวเอง และมองเป็น“น้องคนเล็กของกองทัพ”ตามสโลแกนที่ตั้งไว้หรือไม่

หรือเป็นเพียง “ทหารรับใช้” ที่ปัจจุบันเล่นแร่แปรธาตุ ด้วยการยกเลิกแล้วเปลี่ยนมาใช้คำว่า “พลทหารบริการ” พร้อมกำหนดบทบาทหน้าที่ให้ดูกำกวมเข้าไว้ เช่น ปฏิบัติงานด้านธุรการ งานสุขาภิบาล ดูแลพื้นที่ในหน่วย รวมทั้งภารกิจอื่นๆ ตามแต่ต้นสังกัดอนุญาตเป็นครั้งคราว

เพราะปกติแล้ว ทหารยศสูงทั้งในราชการ และที่เกษียณฯไปแล้วจะได้รับโควตา สามารถนำพลทหารบริการไปใช้ส่วนตัวได้ ขึ้นอยู่กับยศและตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่า ทหารแต่ละระดับ จะสามารถนำพลทหารบริการไปใช้ได้กี่นาย

“พวกนี้ ชอบไปอยู่บ้านนาย ทำงานสบายๆ ไม่ต้องฝึกให้เหนื่อย แถมนายให้เงินอีก” คำพูดทหารชั้นสัญญาบัตรในกองทัพ ต่อกรณีพลทหารบริการ

ซึ่งอาจจะมีส่วนจริงอยู่บ้างที่ พลทหารบริการ เมื่อไปอยู่บ้านนาย โชคดีเจอนายดี แต่คงไม่ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นจะมีกรณี ทหารเลี้ยงไก่ ทหารซักกางเกงใน ปรากฎออกมาตามโซเชียลมีเดีย ทำให้กองทัพถูกวิพากวิจารณ์ขรม

ที่ชัดเจนก็อดีตคนในกองทัพที่ไปเจอมากับตัว พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม ออกมาเปิดเผยผ่านเวทีการประชุมเชิงวิชาการ เพื่อร่วมกำหนดอนาคตกองทัพบกในปี 2580 ว่า มีการนำพลทหารไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น ไปเฝ้าธุรกิจส่วนตัว คลินิก ปั๊มน้ำมัน

อีกกรณี เรื่องอาหารการกิน และความเป็นอยู่ภายในค่าย มีคุณภาพเหมือนคนปกติทั่วไปที่เขากินกัน และตรงปกตามที่กองทัพหรือหน่วยทหารพยายามนำเสนอ ด้วยการโพสต์รูปลงในโซเชียลมีเดีย ว่าอยู่ดีกินดี จริงหรือไม่ หรือแค่ผักชีโรยหน้า เป็นเพียงมื้อพิเศษเมื่อผู้บังคับบัญชามาเยี่ยมหน่วยเท่านั้น

ส่วนเงินเดือน-สวัสดิการ ไม่ต้องพูดถึง เพราะเพียงก้าวขาเข้ามาในหน่วยทหาร ไม่มีอะไรฟรี ทุกอย่างที่ได้รับ ถูกคิดเป็นตัวเงินจดลงบัญชีนำไปหักกับเงินเดือน จึงทำให้รายรับ 10,000 บาท รวมถึงค่าประกอบเลี้ยง เหลือเงินประมาณ 6,000-7,000 บาท/เดือน

ทั้งนี้หาก “เจ้ากระทรวงกลาโหม” ต้องการให้ชายไทย สมัครใจเป็นทหารเต็ม 100% แบบไม่ต้องจับใบดำ-ใบแดง ตามที่ได้หาเสียงไว้ ก็อย่ามุ่งเน้นแค่เพียงการอัดโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม อย่างเดียว สิ่งเหล่านี้สะท้อนมาแล้ว 4 ปีว่าไม่ได้ผล

หากรากเหง้าปัญหาที่แท้จริงยังไม่ได้รับการแก้ไข การยกระดับความเป็นอยู่ของ “พลทหาร” ให้รู้สึกว่า เขาคือทหารจริงๆ ที่เข้ามารับใช้ชาติ ปกป้องประเทศ มีเกียรติ ศักดิ์ศรี โดยไม่จำเป็นต้องตั้งธงชาติประดับไว้หน้าบ้าน ให้กลายเป็นภาระของประชาชนที่ต้องดูแล ทำความสะอาด เปลี่ยนธงชาติในทุกๆ ปี เพื่อให้สีสดและดูใหม่อยู่เสมอ

หากแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ประเทศไทยอาจได้เห็นชายไทยมาสมัครใจ 100% โดยไม่ต้องบังคับเกณฑ์ทหาร ซึ่งขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่ดีของรัฐบาล และคนในกองทัพ