ดินแดนสงบและความพิศวงทางธรณี... วัดเขาประตูชุมพล

เที่ยวชมสวนหินงามที่วัดเขาประตูชุมพล สถานปฏิบัติธรรมอันเงียบสงบบนเทือกเขาพังเหย จ.ชัยภูมิ มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่โดดเด่นด้วยปรากฏการณ์สะพานหินธรรมชาติ
KEY
POINTS
- วัดเขาประตูชุมพลเป็นสถานปฏิบัติธรรมอันเงียบสงบบนเทือกเขาพังเหย จ.ชัยภูมิ ซึ่งตั้งอยู่มาก่อนการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม
- มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่โดดเด่นคือ "สวนหิน" และ "ประตูชุมพล" ซึ่งเป็นปรากฏการณ์สะพานหินธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของหินทรายเป็นเวลานาน
- บนดาดฟ้าของอาคารในวัดเป็นจุดชมทิวทัศน์มุมกว้าง สามารถมองเห็นลักษณะภูมิประเทศของภูเขาหินทรายและทุ่งกังหันลมจำนวนมาก
เมื่อนานก่อนที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จะถูกจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ตอนนั้นบนเทือกเขาพังเหย ในเขต ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ มีวัดเล็กๆ ชื่อวัดเขาประตูชุมพล ตั้งอยู่แล้ว สมัยเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน ทางเข้ามายังวัดเป็นทางลูกรังทั้งหมด นับตั้งแต่ทางแยกเข้ามาตั้งแต่ถนนใหญ่ รถขึ้นเนินตรงหน้า อบต. แทบจะต้องช่วยกันเข็น กว่าจะมาถึงวัดยิ่งไม่ต้องพูดถึง บริเวณที่เป็นสวนหิน
ป่าหินงามในปัจจุบัน ก็มีพระไปสร้างกุฏิเล็กๆ ไว้ปฏิบัติธรรม เพราะเงียบสงบ ไร้ผู้คนรบกวน สมัยแรกๆ ที่ผมยังเที่ยวป่า เราแบกเป้เดินกันจากวัดนี่แหละ เลาะป่าเลียบผา ผ่านป่าหินงาม แล้วไปตั้งแค้มป์พักแรมในป่าดงริมหน้าผา เดินดูดอกกระเจียว ในฤดูฝนจะมีลำธารเล็กๆ พอให้ได้ตั้งแคมป์
ต่อมาจึงมีการจัดตั้งอุทยานฯ ป่าหินงามขึ้น วัดเขาประตูชุมพลจึงมีมาก่อน ขนาดว่ากำเนิดอุทยานแห่งชาติป่าหินงามแล้ว ความเจริญ ความคึกคักของสังคมภายนอก ก็หยุดอยู่แค่หน้าอุทยานฯ ไม่ได้เข้ามาถึงวัดเขาประตูชุมพล ถนนลาดยางจะมาสุดแค่หน้าประตูทางเข้าอุทยานฯ ทางไปวัดก็ยังคงเป็นทางดินธรรมชาติเช่นเดิม วัดเขาประตูชุมพลเลยด้านหน้าอุทยานฯ ไปอีกราว 1 กม. สุดถนนก็คือที่ลานวัดนั่นเอง
วัดนี้เป็นวัดในมหานิกาย แต่เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด มีแม่ชีอยู่ด้วย แต่จะมีการแยกพื้นที่กุฏิแม่ชีและพื้นที่สงฆ์ชัดเจน อย่างที่บอกไปแล้วว่า วัดนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาพังเหย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินที่ยกตัวสูงขึ้นแล้วเอียงลาดลงสู่ส่วนกลางของแผ่นดินอีสาน ที่เรียกว่าแอ่งโคราช แนวขอบเทือกเขาพังเหยจึงเป็นขอบของที่ราบสูงกับพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง
แถบนี้เป็นหินทราย ที่เรารู้อยู่แล้วว่าหินทรายนั้นมาสะสมตัวกันบนพื้นผิวโลก ส่วนใหญ่จะเป็นธารน้ำบรรพกาล บรรดาหินทรายในย่านนี้ จึงทิ้งร่องรอยที่น้ำพัดพากรวดทรายมาสะสมกัน
กรวดทรายเหล่านี้บ่งบอกเราด้วยว่า ในขณะที่เขาสะสมตัวนั้น น้ำพัดพามาด้วยกระแสน้ำที่ไหลเร็วหรือช้า แล้วน้ำได้ทิ้งร่องรอยทิศทางการไหล (แต่ไม่อาจบอกได้ในปัจจุบัน เพราะแผ่นเปลือกโลกยังชนเบียดกันจนร่องรอยเหล่านี้เปลี่ยนทิศทางก็มี) ทั้งยังทิ้งร่องรอยที่น้ำยังคงกระทำในภายหลัง เป็นรอยเฉียงระดับเป็นกุมภลักษ์ต่างๆ กว่าน้ำจะทำได้แบบนี้ ก็ต้องใช้ระยะเวลาเป็นแสนเป็นล้านปี จนมีร่องรอยต่างๆ ปรากฏ
บริเวณสวนหินภายในวัดเขาประตูชุมพล ปรากฏเป็นร่องรอยของสวนหินที่เป็นรูปร่างต่างๆ แท้จริงแล้ว มาจากรอยแตกในหินทราย เมื่อแผ่นเปลือกโลกชนกันและถูกยกตัวขึ้นเป็นภูเขา เป็นที่ราบสูงก็ปรากฏเป็นรอยแตก น้ำจะเป็นตัวไหลกัดกร่อนหินทราย ไปตามร่องรอยแตกเหล่านี้ ในส่วนที่เปราะแตกง่ายก็ผุกร่อน ในส่วนที่แข็งแรงทนทานก็ยังคงผุสลายไปช้าๆ กว่าวันแล้ววันเล่า จนเป็นสวนหิน ที่ในปัจจุบันเป็นทางเดินลงไปยังประตูชุมพล
ตามผิวของสวนหินเหล่านี้ทิ้งร่องรอยที่น้ำกระทำไว้หมด ทั้งรอยเฉียงระดับ หรือกุมภลักษณ์ต่างๆ และมักจะเจ พืชพันธุ์ที่มักอยู่กับพื้นดินทราย อย่างต้นเสม็ดแดง ขึ้นในสวนหินเหล่านี้อย่างหนาตา จนกระทั่งเดินสุดทางที่ผ่านสวนหิน จะพบทางปูนเล็กๆ และเห็นแท่งหินทรายสี่เหลี่ยมที่ดูคล้ายกำแพงหิน ในส่วนปลาย มีโพรงเว้ากว้าง นี่เอง...ประตูชุมพล
ประตูชุมพลก็เหมือนปรากฏการณ์สะพานหินในหลายๆ ที่ที่เรารู้จักหรือเคยเห็น มักจะพบในหินทราย เกิดจากการผุกร่อนของหินทราย ที่มีความคงทนไม่เท่ากัน บางแห่งมีน้ำไหลลอดสะพานหิน แต่สะพานหินบางแห่งก็ไม่มีลำธารน้ำไหลลอดแล้ว ประตูชุมพลนี้ก็เช่นกัน ในหินปูน เราก็พบกับปรากฏการณ์สะพานหินได้เช่นกัน เหตุผลการเกิดขึ้นก็คล้ายกัน ล้วนแล้วแต่ฝีมือธรรมชาติทั้งนั้น
ในฤดูฝน บรรดาสวนหินทรายเหล่านี้จะมีพืชพันธุ์เล็กๆ มาอยู่อาศัยเจริญเติบโตงอกงาม เพราะพืชพันธุ์เหล่านี้จะอาศัยความชื้นที่มีอย่างน้อยนิดเจริญเติบโต และเมื่อเข้าใกล้ปลายฤดูฝน ซึ่งความชื้นจะน้อย พืชชนิดที่ออกดอกเพื่อแพร่พันธุ์ เขาก็จะรีบออกดอกดังนั้นในช่วงฤดูฝน ในพื้นที่ที่เป็นดินทราย หรือหินทรายที่อุ้มน้ำไม่ได้นาน เราจึงมักเห็นดอกไม้บานกันตั้งแต่กลางฤดูฝน เดือนสิงหาคม-ตุลาคม ช่วงนี้แหละไม่ผิดหวัง ที่สวนหินวัดเขาประตูชุมพลนี้ก็ไม่พ้นจากกฎเกณฑ์ธรรมชาตินี้
ที่อาคารสูงหลังหนึ่งในวัดนั้น จะเป็นอาคาร 4-5 ชั้น จะมีป้ายบอกว่าเป็นทางขึ้นไปชมทิวทัศน์ อาคารหลังนี้ แต่ละชั้นจะเป็นเหมือนศาลาการเปรียญบ้าง หอฉันบ้าง ในเมื่อพื้นที่วัดมีไม่มากก็จะเป็นต้องสร้างพื้นที่ใช้สอยในทางดิ่งแบบนี้
ครั้นเดินขึ้นไปตามบันได จนถึงชั้นดาดฟ้า จะเห็นว่าเป็นลานโล่งมีหลังคาตรงกลาง ไม่มีฝา เปิดโล่งทุกด้าน บนนี้จะเห็นทิวทัศน์ของเขาพังเหย ที่ภูเขาจะเป็นหลังแปที่เอียงลาด มีหน้าผาตัด แบบเขาทรงมีดอีโต้ เอกลักษณ์ของภูเขาหินทราย ที่สะดุดตาคือทุ่งกังหันลม ทั้งทางด้านอำเภอซับใหญ่และอำเภอเทพสถิต
ในย่านนี้อาจจะเป็นช่องลม เพราะเมื่อเราอยู่บนดาดฟ้าก็จะรู้ว่ามีลมแรงตลอดเวลา บริษัทผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมเขาก็รู้ จึงมาตั้งกังหันลมย่านนี้จนหนาแน่นมากกว่าหลายที่ที่เคยเห็นมา
อย่าลืมว่าวัดนี้เป็นวัดที่เขาเน้นการปฏิบัติธรรม เมื่อเข้ามาจึงต้องเงียบ พูดคุยกันเบาๆ ให้ความเคารพในพื้นที่ ซึ่งกฎกติกาเหล่านี้ไปไหนก็ควรกระทำ แต่เราอาจจะละเลยไปบ้าง เข้ามาในนี้อาจจะไม่เห็นคนหรือพระมาเดินพลุกพล่าน ไม่มีคนมาบอก ดังนั้น เราต้องรู้กฎกติกานี้เอง
วัดเขาประตูชุมพล ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวโดยตรง เพียงแต่มีธรรมชาติและความสงบในพื้นที่สำหรับคนที่ใฝ่หา ถ้าหากต้องการธรรมชาติ ต้องการความสงบ ที่นี่ก็น่าจะตอบโจทย์คนที่ใฝ่หาได้...วัดเขาประตูชุมพล







