ลงทุนแบบ Global Mindset.. หุ้นสหรัฐยังใช่แต่อาจไม่ใช่เพียงทางเลือกเดียวที่มี

ลงทุนแบบ Global Mindset.. หุ้นสหรัฐยังใช่แต่อาจไม่ใช่เพียงทางเลือกเดียวที่มี

ปี 2025 ตลาดหุ้นขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอิงดัชนี S&P500 ทำจุดสูงสุดใหม่ไปถึง 7 ครั้ง สำหรับจุดสูงสุดใหม่ครั้งล่าสุด อิงราคาปิดในวันที่ 3 ก.ค. 2025 อยู่ที่ระดับ 6,279 จุด ซึ่งประเมินเป็นระดับ 12 Month Forward P/E ที่ 23X เทียบเท่าระดับ +1.0 S.D. ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี กล่าวคือตลาดหุ้นสหรัฐไม่ถูกและอาจมี Upside ของดัชนีอ้างอิงเป้าหมายของนักวิเคราะห์ทั่วโลกจำกัดในอีก 6 -12 เดือนข้างหน้า

ตลาดหุ้นทั่วโลกโดยส่วนใหญ่สามารถรักษาแนวโน้มขาขึ้นได้ต่อเนื่องจากปีก่อน แม้จะผ่านเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างที่อาจสร้างจุดเปลี่ยนเชิงลบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้น พิจารณาจากผลตอบแทนของดัชนีตลาดหุ้นต่างๆ ณ สิ้นงวด 2Q25 เทียบกับสิ้นปี 2024 ดัชนี MSCI ACWI ปรับตัวเพิ่มขึ้น +8.8%, ดัชนี S&P500 +5.1%, ดัชนี MSCI EM +13.4%, MSCI Asia Pacific +11.6% เป็นต้น และตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างโดดเด่นได้แก่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้อิงดัชนี KOSPI +28.1%, ตลาดหุ้นฮ่องกงอิงดัชนี HSI +20.1% และตลาดหุ้นเยอรมัน อิงดัชนี DAX +20.1% ตามลำดับ อ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg โดยรวบรวมข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.ค. 2025

ในปี 2025 ตลาดหุ้นขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอิงดัชนี S&P500 ทำจุดสูงสุดใหม่ไปถึง 7 ครั้ง สำหรับจุดสูงสุดใหม่ครั้งล่าสุด อิงราคาปิดในวันที่ 3 ก.ค. 2025 อยู่ที่ระดับ 6,279 จุด ซึ่งประเมินเป็นระดับ 12 Month Forward P/E ที่ 23X เทียบเท่าระดับ +1.0 S.D. ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี กล่าวคือตลาดหุ้นสหรัฐไม่ถูกและอาจมี Upside ของดัชนีอ้างอิงเป้าหมายของนักวิเคราะห์ทั่วโลกจำกัดในอีก 6 -12 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐและประเมินว่าตลาดหุ้นยังคงเป็นขาขึ้นแต่สำหรับงานเขียนในวันนี้เราอยากพาผู้อ่านมาลองสำรวจตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ ที่เรามองว่ามีความน่าสนใจ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนจากสัดส่วนหลักของพอร์ตที่โดยส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นสหรัฐ

หากจะพูดถึงตลาดหุ้นที่มีความน่าสนใจ ทั้งในมุมมองด้านปัจจัยพื้นฐานของบริษัททะเบียนที่มีความโดดเด่น มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่สูงในปี 2025-2026 ขณะเดียวกันก็มีระดับการประเมินมูลค่าหรือ Valuation ที่ไม่ตึงตัวเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตของตัวเองอิงข้อมูลจาก Bloomberg Consensus ณ วันที่ 3 ก.ค. 2025 โดยจะขอเรียงลำดับตลาดหุ้นที่เราสนใจจากถูกไปแพงกว่าโดยใช้ 12 Month Forward P/E ดังนี้ 

1. ตลาดหุ้นเวียดนาม อิง VNINDEX ซื้อขายที่ระดับ 12 Month Forward P/E 6.8X เทียบเท่าระดับ -2.78 S.D. ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี (นักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น ณ สิ้นงวด 2Q 2025) 

2. ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ อิง KOSPI Index ซื้อขายที่ระดับ 12 Month Forward P/E 10.9X เทียบเท่าระดับ -0.24 S.D. ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี

3. ตลาดหุ้นของตลาดเกิดใหม่ อิง MSCI Emerging Market Index ซื้อขายที่ระดับ 12 Month Forward P/E 13.4X เทียบเท่าระดับ +0.37 S.D. ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี

4. ตลาดหุ้นไต้หวัน อิง TWSE Index ซื้อขายที่ระดับ 12 Month Forward P/E 17.3X เทียบเท่าระดับ +0.72 S.D. ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี

5. ตลาดหุ้นฮ่องกง โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี อิง HSTECH Index ซื้อขายที่ระดับ 12 Month Forward P/E 15.9X เทียบเท่าระดับ -1.11 S.D. ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี 

สำหรับบทความฉบับนี้ผมจะพูดถึงตลาดหุ้นที่อาจจะยังไม่ได้อยู่ในสายตาของนักลงทุนไทยในวงกว้างอย่างตลาดหุ้นเกาหลีใต้และตลาดหุ้นไต้หวัน (ตลาดหุ้นอื่นๆ ขอยกไว้เขียนในบทความฉบับถัดไป) 

· ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI Index) ปัจจุบันเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในปี 2025 หลังจุดเปลี่ยนสำคัญคือคุณอีแจ-มยองจากพรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลีใต้ชนะเลือกตั้งและเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 4 มิ.ย. 2025 และได้เสียงข้างมากในสภาทำให้การเมืองในประเทศกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง ปัจจุบันประธานาธิบดีอีแจ-มยอง กำลังดำเนินนโยบาย “3% potential growth” ตามที่เคยพูดเอาไว้ตอนหาเสียง สำหรับนโยบายนี้ภาครัฐจะส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน กระตุ้นการบริโภคในประเทศ การส่งออกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และการพัฒนา AI 

สำหรับแนวโน้มการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2025-2026 เติบโตสูง เบื้องต้น Bloomberg Consensus ประเมิน EPS Growth ของดัชนี KOSPI ปี 2025-2026 ที่ระดับ +24.07%YoY และ 18.29%YoY ตามลำดับ นอกจากนั้นเกาหลีใต้เริ่มเห็นผลลัพธ์เชิงบวกของมาตรการ Market Reform เช่น การปรับโครงสร้างธุรกิจ การซื้อหุ้นคืน การจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น การเพิ่มอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของบริษัทจดทะเบียน (เป็นบวกต่อหุ้นโดยรวมโดยเฉพาะกลุ่มสถาบันการเงิน) และการปรับปรุงด้านธรรมาภิบาล เป็นต้น ส่วนอุตสาหกรรมที่สำคัญอย่าง Semiconductor มีแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการที่สูงตามการพัฒนา AI ยกตัวอย่างเช่น Samsung Electronics (แม้คาดการณ์การเติบโตของกำไรปี 2025 จะต่ำแต่สำหรับปี 2026 นักวิเคราะห์มีมุมมองที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน) ส่วนบริษัท SK HYNIX บริษัทผู้ผลิตชิปหน่วยความจำ (Memory Chip) รายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจาก Samsung Electronics มีแนวโน้มผลประกอบการที่เติบโตสูงอย่างมีนัยสำคัญ อิงข้อมูลจาก Bloomberg Consensus ประเมิน EPS Growth (GAAP) ปี 2025-2026 ที่ +59.1%YoY, +11.5%YoY ตามลำดับ 

· ตลาดหุ้นไต้หวัน (TWSE Index) เป็นตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรสูงอ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg Consensus ประเมิน EPS Growth ของดัชนีปี 2025-2026 ที่ +4.75%YoY, +20.00%YoY ตามลำดับ จุดเด่นที่สำคัญซึ่งเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียเพราะตลาดหุ้นไต้หวัน คือบริษัทในกลุ่ม Semiconductor อย่าง Taiwan Semiconductor มี Market Cap. คิดเป็น 39% ของดัชนีโดยรวมดังนั้นการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นดังกล่าวมีผลต่อดัชนีค่อนข้างมาก เบื้องต้นหากอ้างอิงจาก Goldman Sachs Securities ในบทวิเคราะห์ “TSMC: Growth outlook further reinforced by easing concern on AI order cuts and growing CoWoS adoption” ณ วันที่ 25 มิ.ย. 2025 ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นที่ระดับ $1,210 มี Upside จากราคาปิด ณ วันที่ 8 ก.ค. 2025 ราว +12% (ปรับเป้าหมายขึ้นจากเดิมที่ $1,145) ผลประกอบการของ TSMC ได้แรงหนุนจากความต้องการใช้ Chip และ Order จากลูกค้ารายใหญ่ไม่ว่าจะเป็น AMD, Qualcomm, Broadcom และ Nvidia เป็นต้น ทำให้เรามองว่าบริษัท TSMC มีโอกาสร้างความสม่ำเสมอของผลประกอบการอย่างต่อเนื่องในปี 2025-2027

สำหรับสองตลาดหุ้นที่เราได้นำเสนอไปอย่างเกาหลีใต้และไต้หวันจะมีจุดร่วมที่สำคัญคือองค์ประกอบของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในกลุ่ม Semiconductor ทั้งธุรกิจกลุ่มต้นน้ำ-กลางน้ำของอุตสาหกรรม (มีสัดส่วนที่สูงในดัชนี) และเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงจากอานิสงส์ของการพัฒนา-ลงทุนในเทคโนโลยีที่อยู่ใน Supply Chain ของปัญญาประดิษฐ์และหากเปรียบเทียบระดับการประเมินมูลค่าของหุ้นเหล่านี้กับหุ้นเทคโนโลยีฝั่งตะวันตกจะพบว่ามีน่าสนใจมากกว่า สำหรับเกาหลีใต้นอกจากกลุ่ม Semiconductor อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่นสถาบันการเงินมีแนวโน้มของผลประกอบการที่ดีขึ้นรวมถึงได้ประโยชน์จาก Market Reform ดังนั้นจึงเป็นตลาดหุ้นที่มีความน่าสนใจและเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวและกระจายการลงทุนนอกเหนือจากตลาดหุ้นสหรัฐ