ตัวตนจริง ๆ ของทรัมป์ ในสายตาคนร่วมเขียนหนังสือเล่มนี้
คนเขียนหนังสือ The Art of the Deal คู่กับโดนัลด์ ทรัมป์ชื่อ Tony Schwartz
ออกมาเปิดใจครั้งแรก... บอกว่าทรัมป์เป็นคนไม่ยอมแพ้ และเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีและประกาศชัยชนะ!
แน่นอน นั่นเป็นเพียงการคาดเดาของคนที่บอกว่า รู้จักสภาพจิตของประธานาธิบดีคนนี้อย่างดี เพราะเขาใช้เวลาหนึ่งปีเต็ม ๆ กับทรัมป์เพื่อเขียนหนังสือเล่มนี้
“ผมใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงอยู่กับเขา ฟัง คุยและสังเกตเกี่ยวกับชีวิตของเขา สิ่งที่เขาพูดและทำในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาในบทบาทของประธานาธิบดี ไม่มีอะไรที่สร้างความแปลกใจให้ผมเลยแม้แต่น้อย...” โทนีเขียนในบทความที่ตีพิมพ์ในวอชิงตันโพสต์
คนใกล้ชิดคนนี้บอกว่าทรัมป์มีปัญหาการประเมินคุณค่าของตัวเองที่ “ตกอยู่นาภาวะเสี่ยง” เสมอ
โทนีเล่าว่าเมื่อทรัมป์โกรธ เขาจะมีปฏิกิริยาในลักษณะที่ทำตามอารมณ์และความรู้สึก เพื่อปกป้องตัวเองมากกว่าที่จะคิดไตร่ตรองเสียก่อน
บ่อยครั้งเขาจะสร้างเรื่องที่จะอธิบายถึงเหตุผลของพฤติกรรมของตนเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องตรงกับความเป็นจริงเสมอไป
และเมื่อเกิดเรื่อง ทรัมป์ก็มักจะโทษคนอื่นเสมอ ไม่เคยเห็นว่าเป็นความผิดของตัวเอง
โทนีเชื่อว่าคุณพ่อของทรัมป์มีส่วนทำให้ลูกเป็นคนอย่างนี้เพราะกดดันลูกชายคนนี้ไม่น้อย
“ทรัมป์บอกผมเสมอว่าคุณพ่อเป็นคนดุและแกร่ง เรียกร้องจากลูก ๆ มาก” โทนีเล่า
พี่ชายของทรัมป์ชื่อเฟรด จูเนียร์ เป็นโรคติดเหล้า เสียชีวิตในวัย 42 เพราะมีความเครียดกับการเป็นลูกของพ่อที่กดดันลูกไม่น้อย
ในหนังสือเล่มนี้ ทรัมป์เขียนว่าเขาสนใจเรื่องทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เขาไม่เคยถูกพ่อคุกคามเหมือนคนอื่น ๆ ในครอบครัว
“ผมกล้าเถียงพ่อ และพ่อก็ยอมรับ ความสัมพันธ์ของผมกับพ่อเกือบจะเรียกว่าเป็นทางการแบบธุรกิจเลยแหละ” ทรัมป์เขียนในหนังสือเล่มที่โทนีเป็นนักเขียนร่วม
โทนีวิเคราะห์สภาพจิตใจของทรัมป์ว่าเป็นคนกลัวความพ่ายแพ้อย่างยิ่ง ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไร เขาจะต้องเป็น “ผู้ชนะ” เสมอ...ทำให้โทนีคาดการณ์ว่าหากทรัมป์เจอกับแรงกดดันหนักๆ จากกรณีการสอบสวนเรื่องความเกี่ยวโยงกับรัสเซีย ทรัมป์อาจตัดสินใจทิ้งทวน
นั่นคือหากจำนนด้วยหลักฐานว่าเขามีความผิดจริง ทรัมป์อาจจะลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีและประกาศเป็น “ชัยชนะ” ของเขาโดยไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการ “ไต่สวนเพื่อถอดถอน”หรือ impeachment
ถึงวันนี้ยังไม่มีใครเชื่อว่าทรัมป์จะยอมไขก๊อกตัวเองง่าย ๆ เพราะดูจากลีลาท่าทีแล้ว เขาก็ยังยืนหยัดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
แม้ว่าจะมีการเปิดเผยเรื่องร้าย ๆ เกี่ยวกับเขาในกรณีปลดผู้อำนวยการเอฟบีไอเจมส์ โคมีในลักษณะที่เสีย ๆ หาย ๆ หลายประเด็น แต่ทรัมป์ก็ยังเต้นฟุตเวิร์กเสมือนหนึ่งยังเป็นนักมวยที่พร้อมจะน๊อคคู่ต่อสู้ได้ตลอดเวลา
“ทรัมป์ที่ผมรู้จักไม่มีความเชื่อด้านอุดมการณ์อะไรลึกซึ้ง อีกทั้งไม่มีความรู้สึกทุ่มเทกับอะไรเป็นพิเศษ ยกเว้นผลประโยชน์แคบ ๆ ของตัวเองเท่านั้น...”
นั่นคือคำอธิบายของโทนีซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่สิบคนที่อ้างได้ว่ามีความเข้าใจถึง “ความเป็นทรัมป์” ที่คนข้างนอกไม่เคยได้รู้จัก
หากเป็นเช่นนี้จริง ก็น่าเชื่อได้ว่าทรัมป์ตัวจริงก็ไม่น่าจะสามารถทน ต่อแรงกดดันทางการเมืองที่กำลังถาโถมอย่างรุนแรง
ทั้งหมดนี้ก็เกิดจากการกระทำของตัวเองทั้งสิ้น
เมื่อทรัมป์โทษใครไม่ได้สำหรับความผิดพลาดของตัวเอง เขาก็จะชี้นิ้วโทษทุกคนทั้งไกลตัวและรอบ ๆ ตัว!