คนจะสวย ใช่สวยที่ใบหน้า

หรือคำนึง “ความหล่อ - สวย” ของอีก ฝ่ายแต่หลายคู่ ครองรัก ครองเรือนด้วยกันด้วยเหตุผล หรือสาเหตุอื่น ซึ่งบางท่าน ตัดสินใจเลือกคู่ครองกับอีกฝ่าย อาจเกิดจากความดี ความซื่อสัตย์ที่มีระหว่างกัน หรืออาจเลือกผลแห่งการกระทำที่ดีของอีกฝ่าย หรือเกิดจากความภาคภูมิใจของอีกฝ่ายที่ช่วยเหลือ เกื้อกูลในยามทุกข์ร้อน หรืออาจเกิดจากอีกฝ่ายเป็นทั้งคนดี ปฏิบัติในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี มีความน่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับ ย่อมสามารถพาการครองคู่ การใช้ชีวิตคู่ของทั้งสองฝ่ายไปได้โดยไม่มีอุปสรรค หรืออาจมี แต่เป็นจำนวนน้อย เป็นต้น

ในทางตรงกันข้าม มักพบว่าคู่รัก หลายคู่ เลือก หรือดูคู่ครอง คนรักของตนที่ใบหน้า (อย่างเดียว) “หม้อข้าวยังไม่ทันดำ” ต่างต้องเลิกราต่อกันในที่สุด ย่อมแสดงว่าความสวย - หล่อ “กินไม่ได้” หรือไม่ใช่ปัจจัยหลักของการเลือกคู่ ครองคู่ของหนุ่ม - สาวแต่อย่างใด

ประเด็นข้างต้น อาจไม่แตกต่างจากระบบอาคารชุด คอนโดมิเนียม ภายใต้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)อาคารชุด หรือการจัดสรรที่ดิน ภายใต้พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน เมื่อโครงการอาคารชุดได้รับการ จดทะเบียนอาคารชุด ตามมาตรา 6 ทุกโครงการถูกกำหนดให้มี “ผู้จัดการ” จำนวน 1 คน ซึ่งมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 35/1 ปฏิบัติหน้าที่บริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุด ตามข้อบังคับ และมติของที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วม

ผู้จัดการได้รับ หรือถูกรับการแต่งตั้งโดยมติของที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมด้วยคะแนนเสียงจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของคะแนนเสียงของเจ้าของร่วมทั้งหมด ตามมาตรา 49 (1) เว้นแต่เป็นการแต่งตั้งในคราวแรก (การจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด ตามมาตรา 31)

สำหรับโครงการจัดสรรที่ดิน เมื่อได้รับการจดทะเบียน นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ตามมาตรา 45 หมายความว่าผู้จัดสรรที่ดินประสงค์ขอพ้นหน้าที่การบำรุง ดูแลรักษาทรัพย์สินอันเป็นสาธารณูปโภคตามแผนผังโครงการที่จัดทำขึ้น ตามมาตรา 44 จึงดำเนินการให้ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรร่วมกันจดทะเบียน “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร” ขึ้นมาเพื่อรับโอนทรัพย์สินดังกล่าวไปจัดการบำรุง ดูแลรักษาด้วยกันเอง ทั้งนี้ เมือผู้ซื้อที่ดินจัดสรรร่วมกันจดทะเบียน “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร” ขึ้นมาแล้ว ต่างมีหน้าที่แต่งตั้ง คณะกรรมการหมู่บ้านจัดสรร จำนวนตามที่ข้อบังคับ หรือมติของที่ประชุมใหญ่กำหนด เพื่อปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ซื้อ และเป็นตัวแทน หรือผู้แทนของผู้ซื้อในกิจการอันเกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอก ตามมาตรา 46 วรรคท้าย

อย่างไรก็ดี ทั้งผู้จัดการคอนโดมิเนียม และคณะกรรมการหมู่บ้านจัดสรร อาจเลือกใช้แนวทาง หรือรูปแบบการบริหารงานของนิติบุคคลฯ ด้วยการอนุมัติจัดจ้างบุคคล หรือนิติบุคคลภายนอก เพื่อปฏิบัติหน้าที่ด้านการจัดการดังกล่าวแทนตน ภายใต้มติ หรือความเห็นชอบของคณะกรรมการ ย่อมสามารถกระทำเรื่องดังกล่าวได้

อย่างไรก็ดี การคัดเลือกบุคคล หรือนิติบุคคล รองรับการบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลาง และทรัพย์สินอันเป็นสาธารณูปโภค นิติบุคคลอาคารชุดโดยผู้จัดการ ภายใต้ความเห็นชอบคณะกรรมการ หรือนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร โดยความเห็นชอบคณะกรรมการ จะตัดสินเลือก “ความสวย - หล่อ” ใช่หรือไม่ ? ย่อมไม่ใช่ เหตุเพราะทั้งทรัพย์ส่วนกลาง และทรัพย์สินอันเป็นสาธารณูปโภคต่างเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อทุกราย จำเป็นต้องได้ คนดี คนเก่ง เข้าทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพย์สินดังกล่าวให้เกิดประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์แก่ผู้ซื้อทุกราย ผู้เขียนเชื่อว่าแฟนคอลัมน์ จำนวนไม่น้อย อาจมี หรือได้รับประสบการณ์ หรือการวางแนวทางการคัดเลือกบุคคล หรือนิติบุคคล ผู้บริหารทรัพย์สิน หรือลูกจ้าง ผู้รับจ้างในระดับหนึ่ง จากบทความที่ผู้เขียนนำเสนอในอดีต จึงไม่ขอกล่าวแนวทาง หรือยุทธวิธีดังกล่าว ณ โอกาสนี้ แต่ประสงค์จะแนะนำ *เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย* ประกอบการพิจารณาคัดเลือกบุคคล หรือนิติบุคคล ผู้รับจ้าง ลูกจ้าง ผู้บริหารทรัพย์สินที่สำคัญๆ ดังต่อไปนี้

1.ไม่นิ่งดูดาย ต้องรู้จักคิด รู้จักทำถ้าบุคคลดังกล่าวมีประสบการณ์ในงานบริหารจัดการทรัพย์สิน เชื่อว่ามองงานข้างหน้าตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตน และทีมงานได้เป็นอย่างดี แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าได้บุคลากร ขาดประสบการณ์ เพดานบิน จำนวนน้อย โอกาสงานจะพัฒนาก้าวหน้า เดินหน้าอย่างดี มีประสิทธิภาพ อาจเป็นไปได้น้อย

2.กล้าคิด กล้าเสนอ และกล้าทำงานบริหารจัดการทรัพย์สินจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น บุคคลดังกล่าวต้องกล้าคิด กล้าเสนอ และกล้าทำ 

3.ประวัติสะอาด ไว้ใจได้ มีผลงานยอมรับในอดีต โดยเฉพาะการยินยอมให้ ผู้ว่าจ้าง สามารถตรวจสอบประวัติ ภูมิหลัง ผลงานในอดีตได้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น งานบริหารทรัพย์สินเกี่ยวเนื่องกับการเงิน การบัญชี การธนาคาร บุคคล หรือนิติบุคคลดังกล่าว นอกจากประวัติ ภูมิหลัง ผลงานเป็นที่ยอมรับแล้ว ยังจำเป็นต้องไม่ด่างพร้อยเรื่องการเงิน การบัญชี และการธนาคารอีกด้วย 

4.ซื่อสัตย์ สุจริตในวิชาชีพคนเก่ง อาจฉลาด แต่คดโกง เช่นนี้แล้ว อย่าได้นำเข้ามาจอย หรือร่วมงาน รังแต่จะเกิดความเสียหาย และเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ในที่สุด แต่ ผู้ว่าจ้าง หรือ นายจ้าง จำเป็นต้องได้บุคคลที่ซื่อสัตย์ และสุจริต จะเกิดประโยชน์ยิ่ง และ 

5.รักทรัพย์สินเสมือนเป็นทรัพย์สินของตน อาจสรรหา คัดเลือกบุคคลดังกล่าวได้ยาก แต่ต้องทำ อาจมอบค่าตอบแทน ค่าจ้าง สวัสดิการ ที่ดี มิฉะนั้น ท่านอาจต้องเหนื่อยต่อการรับสมัคร เปลี่ยนแปลงบุคลากรจำนวนบ่อยครั้ง ซึ่งนอกจากงาน ไม่เป็นไปอย่างต่อเนื่องแล้ว ท่านยังอาจถูกตำหนิจากสมาชิกผู้ซื้อที่ดินจัดสรร หรือเจ้าของร่วมในที่สุด