“หนาวน้อย-หนาวสั้น” โจทย์ท้าทาย “เชียงราย” ต้องปรับตัว***

“หนาวน้อย-หนาวสั้น” โจทย์ท้าทาย “เชียงราย” ต้องปรับตัว***

เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว จังหวัดที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวในช่วงนี้ส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นภาคเหนือ

โดยจังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

ผู้เขียนพบว่าในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ ที่สภาพอากาศหนาวเย็น มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นไปเยือนจังหวัดเชียงราย จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนจังหวัดเชียงรายในปี 2556 อยู่ที่ประมาณ 2.4 ล้านคน ในขณะที่ในปี 2560 จำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนเชียงรายขยายตัวไปแตะระดับ 2.9 ล้านคน ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในห่วงโซ่ธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย เช่น โรงแรมที่พัก รถเช่า ฯลฯ ดังนั้น หากพิจารณาโครงสร้างด้านรายได้ของผู้ประกอบการเหล่านี้ พบว่ารายได้ส่วนใหญ่มีแนวโน้มกระจุกตัวอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยเฉพาะผู้ประกอบการบริเวณแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติประเภทภูเขา งานเทศกาลดอกไม้เมืองหนาว เป็นต้น

เมื่อโครงสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายมีลักษณะเช่นนี้ ธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายมีความเสี่ยงที่รายได้จะหดหายหากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เช่น ถ้าหากปีใดอากาศไม่หนาวหรือฤดูหนาวสั้น ก็จะส่งผลให้รายได้ของผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวลดลง เนื่องจากข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวโดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ชี้ให้เห็นว่านักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติของแหล่งท่องเที่ยวและอากาศที่หนาวเย็นค่อนข้างมาก ดังนั้น ถ้าสภาพอากาศไม่หนาวเย็นหรือฤดูหนาวสั้น โอกาสที่นักท่องเที่ยวชาวไทยจะตัดสินใจไปเยือนจังหวัดเชียงรายน้อยลงนั้นเป็นไปได้สูง

ดังนั้นโจทย์ในการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายอย่างยั่งยืนควรคำนึงถึง ผลกระทบที่ภาคการท่องเที่ยวจะได้รับจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยเฉพาะหนาวน้อยหรือหนาวสั้น รวมถึงจะต้องพัฒนาแนวทางและกลยุทธ์ในการปรับตัวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าว

ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายเริ่มมีการปรับตัวไปบ้างแล้วก็ตาม สังเกตได้จากการมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้น อาทิ วัดร่องขุ่น วัดร่องเสือเต้น ไร่บุญรอด ไร่รื่นรมย์ อย่างไรก็ตาม คำถามที่ตามมาคือแนวทางการปรับตัวซึ่งเน้นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ นั้นเพียงพอสำหรับรองรับความเสี่ยงด้านภูมิอากาศที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตหรือไม่ เราจะปรับยุทธศาสตร์หรือทิศทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายอย่างไร เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวพึ่งพาอากาศน้อยลง และพยายามกระจายนักท่องเที่ยว และรายได้จากการท่องเที่ยวไปสู่ช่วงเวลาอื่นๆ ที่นอกเหนือจากช่วงฤดูหนาว โดยไม่ทิ้งอัตลักษณ์ของจังหวัดเชียงราย

ในระยะยาว ผู้เขียนมองเห็นศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในการเป็นเมืองศิลปะล้านนาร่วมสมัย โดยจังหวัดเชียงรายอาจมีการพัฒนาเส้นทางหรือถนนสายศิลปะ โดยขับเคลื่อนผ่านกลุ่มขัวศิลปินท้องถิ่นที่รวมตัวกัน นอกจากนี้ จังหวัดเชียงรายอาจเน้นจุดขายด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่จังหวัดเชียงรายมี เช่น บ่อน้ำพุร้อนเพื่อบำบัดโรค สปาและสมุนไพร สินค้าเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น

อีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจคือการสนับสนุนให้จังหวัดเชียงรายเด่นในเรื่องอาหาร (Gastronomy) โดยนำเสนออาหารพื้นเมือง และอาหารที่มีความหลากหลายจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอาหารท้องถิ่นซึ่งเป็นเสน่ห์ของจังหวัดเชียงราย

แนวทางอื่นๆ ที่น่าสนใจ ประกอบด้วย การขับเคลื่อนให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองดอกไม้ (Flower City) ที่มีดอกไม้สายพันธุ์ต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถมาชมและถ่ายรูปได้ทุกฤดูกาล รวมถึงการผลักดันให้เชียงรายเป็นเมืองที่มีส่วนสนับสนุนในการเป็นศูนย์กลางในการจัดประชุม ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่รองรับนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินทางมาประชุมที่จังหวัดใกล้เคียงหรือเป็นเมืองที่รองรับนักท่องเที่ยวหลังจากที่การประชุมที่จังหวัดใกล้เคียงเสร็จสิ้น (Pre and Post MICE City)

อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายจะมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตได้มากน้อยเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการเตรียมความพร้อมตั้งรับและปรับตัว ซึ่งหากดำเนินการได้ประสบความสำเร็จ ก็จะเป็นแบบอย่างในการปรับตัวทางด้านการท่องเที่ยวสำหรับจังหวัดอื่นๆ ต่อไป

 

*** ชื่อเต็ม: “หนาวน้อย-หนาวสั้น” โจทย์ท้าทายใหม่ ทำให้ “เชียงราย” ต้องปรับตัว

โดย... 

ปิยธิดา กันปาน 

กรรณิการ์ ธรรมพานิชวงค์