จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน ... Sports Team

จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน ... Sports Team

“...จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน เหมือนว่าไม่มีวันจะพรากไป ทำอะไรได้ดังฝันใฝ่ ถ้าเราร่วมใจ จุดหมายที่ฝันกันไว้ ก็คงไม่เกินมือเรา...”

เสียงผู้ชมช่วยกันร้องเพลง “จับมือกันไว้” ดังกระหึ่มไปทั้งฮอลล์ ในการแสดงคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ครั้งที่ 11 ตอน Dream Journey ที่ดิฉันได้ไปชมเมื่อเร็วๆ นี้ เพลงนี้มีความหมายและถูกเลือกมาร้องได้อย่างเหมาะเจาะกับแขกรับเชิญพิเศษที่เป็น 6 สาวนักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย อันได้แก่ วรรณา บัวแก้ว, ปลื้มจิตร์ ถินขาว, อรอุมา สิทธิรักษ์, มลิกา กันทอง, วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, และ ทัดดาว นึกแจ้ง เพลงนี้สะท้อนภาพ “ความร่วมมือร่วมใจ” ที่พวกเธอได้แสดงมันออกมาในบทบาทของ “นักกีฬา” ที่ร่วมฟันฝ่ากันมาเป็น “Team” 

คนที่เป็นแฟนกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยคงจะทราบว่าในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา พวกเธอพัฒนาฝีมือไปได้ไกลมาก จากทีมที่ถูกมองว่าเป็นไม้ประดับประจำสนาม ลงแข่งกับทีมไหนก็แพ้มาโดยตลอด ไม่เคยได้เป็นแชมป์รายการใหญ่ใดๆ ที่นานาชาติให้การยอมรับเลย และคงไม่มีคนไทยคนใดคิดมาก่อนว่า วันที่ 13 กันยายน 2552 พวกเธอจะสร้างประวัติศาสตร์ที่พลิกโฉมวงการวอลเลย์บอลสาวไทยไปตลอดกาล ด้วยการได้แชมป์รายการที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียอย่างรายการวอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชีย ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียตนาม โดยเอาชนะทีมชาติจีนที่เพิ่งจะคว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาได้หมาดๆ ชัยชนะในวันนั้นเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนที่ยกระดับทีมชาติไทยจากทีมไม้ประดับของวงการวอลเลย์บอลโลกไปสู่ทีมแถวหน้าที่ไม่มีใครกล้าประมาทอีกต่อไป 

กว่าจะมาถึงจุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คนที่ทราบเบื้องหลังความสำเร็จต้องรู้สึกทึ่งในความอดทน ความมุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนัก เรียนรู้เทคนิคการเล่นใหม่ๆ บางคนยังได้ไปเล่นลีกอาชีพในต่างประเทศหลายปีเพื่อบ่มเพาะวิทยายุทธ ทำให้ทักษะการเล่นของหลายๆ คนพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ซึ่งต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปี แม้สาวไทยจะเสียเปรียบในเรื่องส่วนสูงที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 170 เซนติเมตรกว่าๆ แต่พวกเธอก็สามารถแข่งขันกับชาติอื่นๆ จากทวีปอเมริกา ยุโรป หรือเอเชีย ที่มีส่วนสูง 180-190 เซนติเมตรได้อย่างไม่กลัวเกรง พวกเธอจะเล่นให้ดีที่สุดในทุกตำแหน่งที่ยืนอยู่ในสนาม และใช้ความไว ไหวพริบ พละกำลัง เทคนิคการเล่นต่างๆ มาล่อหลอกและแก้เกมเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้  พวกเธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าแม้จะเดินทางไปเล่นในลีกอาชีพกับทีมต่างชาติมาหลายที่ก็ไม่มีที่ไหนปฏิบัติต่อกันเหมือนทีมชาติไทย ทีมที่ทุกคนลงสนามด้วยรอยยิ้มและกลับออกมาด้วยรอยยิ้มไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่อยู่ด้วยกันไม่มีการตวาดใส่กันเมื่อใครคนใดคนหนึ่งทำพลาด หากแต่โอบไหล่ให้กำลังใจกัน และส่งเสียงบอกกันว่า “สู้ๆ” พวกเธอ ดูแลกันและกัน  ทำงานกันเป็นทีม ฝึกซ้อมจนเข้าขาแบบมองตาก็รู้ใจ นี่คือ สปิริตและความสวยงามของทีม ที่พวกเธอบอกว่าไม่รู้จะไปหาได้จากที่ไหน

การทำงานกันเป็นทีมด้วยสปิริตแบบนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทยนี่แหละค่ะ ที่ SCB เราเรียกกันว่า “Sports Team” ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 วิถีการทำงานหรือ “Way of Work” ที่จะทำให้เรายืนหยัดเหนือคลื่นการเปลี่ยนแปลงจาก Digital Disruption ได้ ในแง่มุมของ HR แล้วต่อให้เทคโนโลยีพัฒนาไปมากแค่ไหน ก็เป็นเพียงแค่ “Hardware” ถ้าจะให้มันทรงพลังและสร้างความสำเร็จได้มากขึ้นก็ต้องนำมาใช้ร่วมกับ “Heartware” ซึ่งก็คือคนนั่นเอง คนยังมีบทบาทในการส่งมอบผลงานไปสู่ลูกค้าและจะต้องทำกันเป็นทีมเพราะสมัยนี้ไม่มีใครเก่งอยู่ได้คนเดียว เราจึงต้องสร้างทีมให้แข็งแกร่งแบบ sports team ซึ่งนิยามของเราก็คือ ดูแลกัน ทำงานเป็นทีม และ พร้อมเปลี่ยนบทบาท

ในช่วงแรกๆ ที่เราเริ่ม transformation เรามีการสับเปลี่ยนบทบาทของผู้บริหาร ให้ลองไปอยู่ในพื้นที่ใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย เหมือนนักกีฬาวอลเล่ย์บอลบางคนที่มีโอกาสไปเล่นลีกอาชีพในประเทศที่ไม่เคยไปดูบ้าง เพื่อเปิดหูเปิดตาให้เห็นอะไรใหม่ๆ ทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ การทดลองใหม่ๆ ทำให้มีประสบการณ์ที่มีความหลากหลายมากขึ้นไปเรื่อยๆ แม้จะสับเปลี่ยนบทบาทแต่พวกเราก็ยังทำงานร่วมกันเป็นทีมโดยแบกรับความคาดหวังและภารกิจในการร่วมกันนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย เหมือนที่นักกีฬาทีมชาติมารวมตัวกัน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ฝึกซ้อมร่วมกัน โดยทั้งทีมได้แบกความคาดหวังของคนทั้งไทยทั้งชาติไว้บนบ่า การแบกรับภารกิจขององค์กรหรือภารกิจของชาติไว้บนบ่าก็ล้วนแล้วแต่มี อุปสรรคและความท้าทาย ทั้งที่คาดเดาได้และคาดเดาไม่ได้รออยู่ข้างหน้า ความกดดันอันมหาศาลย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา 

การจะฝ่าฟันเรื่องเหล่านี้ไปให้ถึงเป้าหมายได้ต้องใช้ทั้ง กำลังสมอง กำลังกาย และ กำลังใจจากคนในทีม มันทำให้ดิฉันนึกถึงเนื้อเพลง “จับมือกันไว้” ที่ทั้ง 6 สาวร่วมกันร้อง ตรงท่อนที่ว่า

“...อยู่คนเดียวลำพังแบกความหวังนั้นไว้ ไม่นานในใจคงจะระอา

   ถ้าหลายดวงใจช่วยกันฟันฝ่า หันหน้ากันมาแล้วร่วมใจ

   หลายหลายกำลัง รวมแล้วก็ยิ่งใหญ่

   หากฝันจะไกลก็ไม่ท้อ...”

โดย... พรรณพร คงยิ่งยง

รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส Chief People Officer 

ธนาคารไทยพาณิชย์ (จำกัด) มหาชน