การก่อสร้างขนาดใหญ่ทำลายหรือสร้างสรรค์

การก่อสร้างขนาดใหญ่ทำลายหรือสร้างสรรค์

เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน นายกรัฐมนตรีอินเดีย เป็นประธานงานเปิดอนุสาวรีย์ที่เป็นข่าวพาดหัวไปเกือบทั่วโลก

ทั้งนี้เพราะอนุสาวรีย์นั้นเป็นรูปปั้น หรืองานประติมากรรมลอยตัวขนาดยักษ์ของนักการเมืองคนหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้นำของกระบวนการต่อสู้เพื่อให้อินเดียได้เอกราชจากอังกฤษ งานประติมากรรมลอยตัวนั้นสูงถึง 182 เมตร จึงเป็นงานประติมากรรมที่สูงที่สุดในโลกแทนพุทธรูปท่ายืนขนาดใหญ่ในจีนซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปี 2551 ด้วยความสูง 128 เมตร เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ในอเมริกา เพราะงานประติมากรรมในอินเดียสูงกว่าอนุสาวรีย์เสรีภาพ นอกมหานครนิวยอร์กเกือบ 2 เท่า

ทางด้านเมืองจีน มีข่าวว่ากำลังพยายามเพิ่มการก่อสร้างที่จะทำให้พุทธรูปองค์นั้นสูงกว่างานประติมากรรมในอินเดีย โดยปรับฐานด้วยการขุดเอาภูเขารอบๆ ออกไปให้เหลือไว้เฉพาะส่วนที่พระพุทธรูปยืนอยู่เท่านั้น ความสูงของส่วนนี้บวกกับดอกบัวที่พุทธรูปยืนอยู่จะทำให้งานประติมากรรมนั้นสูงถึง 208 เมตร อย่างไรก็ดี พระพุทธรูปองค์นี้ก็จะไม่เป็นงานประติมากรรมลอยตัวสูงที่สุดในโลก ทั้งนี้เพราะหากนับฐานให้เป็นส่วนหนึ่งของงานประติมากรรม อนุสาวรีย์ในอินเดียจะสูงถึง 240 เมตร กระนั้นก็ตาม งานประติมากรรมลอยตัว 240 เมตรนี้จะถูกแทนที่ในด้านการเป็นอนุสาวรีย์ที่สูงที่สุดในโลกในปี 2564 เมื่ออนุสาวรีย์ของนักรบฮินดู นอกเมืองมุมไบสร้างเสร็จ

การสร้างอนุสาวรีย์สูง 240 เมตรดังกล่าวก่อให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในหลายด้าน เช่น ชาวนาซึ่งถูกเวนคืนที่ดินเพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างอ้างว่า พวกตนได้รับความเดือดร้อนสาหัส ส่วนนักเคลื่อนไหวในด้านการช่วยเหลือคนยากจนมองว่าเงินที่ใช้ในการก่อสร้างซึ่งคิดเป็นเงินไทยได้เป็นจำนวนกว่าหมื่นล้านบาทนั้น หากนำไปให้โครงการสนับสนุนคนจนจะได้ผลสูงกว่ามาก และด้านนักการเมืองฝ่ายค้านก็โจมตีรัฐบาลว่า การก่อสร้างนั้นเป็นการหวังผลทางการเมือง มิใช่การยกย่องวีรชนของชาติ

ข่าวสารเรื่องการแข่งขันกันสร้างงานประติมากรรมขนาดใหญ่ว่าของใครจะใหญ่กว่ากัน ทำให้นึกถึงการก่อสร้างพุทธรูปในเมืองไทยและการก่อสร้างอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ในอดีต ในขณะนี้ไม่มีข่าวว่ามีใครรณรงค์ให้สร้างพระพุทธรูปให้สูงที่สุด หรือที่ยาวที่สุดในโลกในเมืองไทย ทั้งนี้เพราะหลวงพ่อใหญ่ที่วัดม่วง ในจ.อ่างทอง ซึ่งสูงที่สุดในเมืองไทยนั้น สูงเพียง 93 เมตร ส่วนพระพุทธไสยาสน์ ที่วัดบางพลีใหญ่กลาง จ.สมุทรปราการ ซึ่งยาวที่สุดในเมืองไทย ก็ยาวเพียง 55 เมตร จึงยาวเพียงราว 1 ใน 3 ของพระพุทธไสยาสน์ในพม่า ซึ่งครองตำแหน่งพระพุทธรูปยาวที่สุดในโลกในปัจจุบัน

หวังว่าจะไม่มีใครในเมืองไทยพยายามสร้างพุทธรูปให้สูงกว่าของจีน หรือยาวกว่าของพม่า ทั้งนี้เพราะการทำเช่นนั้นจะสูญทรัพยากรจำนวนมากไปโดยมิได้ทำให้คนไทยเคร่งครัดในการปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น นอกจากนั้น ทรัพยากรที่ใช้ในการสร้าง รวมทั้งที่ใช้สร้างพระพุทธรูปขนาดต่างๆ ในแต่ละปีจนวัดไม่มีที่จะเก็บแล้วนั้น น่าจะมีประโยชน์สูงกว่าถ้านำไปสนับสนุนการศึกษาของเยาวชนด้อยโอกาส หรือสนับสนุนโรงพยาบาลที่ขาดแคลน เกี่ยวกับประเด็นนี้ มีข้อชวนคิดจากการปฏิบัติทางศาสนาของชาวอามิชในอเมริกา กล่าวคือ พวกเขาเคร่งครัดในการปฏิบัติตามหลักศาสนา แต่ไม่มีการสร้างรูปปั้น หรืออาคารต่างๆ ทั้งสิ้น พวกเขามักใช้ลานบ้านและโรงนาเพื่อประกอบกิจทางศาสนา เช่น ฟังบาทหลวงเทศน์ในวันอาทิตย์

การสร้างอนุสาวรีย์ที่มีเป้าหมายทางการเมืองก็มีข้อคิดหลายอย่าง ทั้งทางด้านการเมืองที่เปลี่ยนไปและในด้านการใช้ทรัพยากร จะเห็นว่าเมื่อไม่นานมานี้ อนุสาวรีย์ขนาดยักษ์ของซัดดัม ฮุสเซน และ ของโจเซฟ สตาลิน ที่สร้างไว้ในหลายประเทศถูกทำลาย แม้แต่ของนายพลโรเบิร์ต อี. ลี ในอเมริกาบางแห่ง ก็ยังถูกย้ายออกไปจากตำแหน่งเดิม หากย้อนไปดูอารยธรรมโบราณ จะเห็นว่าการใช้ทรัพยากรมหาศาลเพื่อการก่อสร้างอนุสาวรีย์ น่าจะมีส่วนทำให้อารยธรรมเหล่านั้นล่มจมไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรเขมร อาณาจักรมายา อาณาจักรโรมัน ในอียิปต์ หรือย้อนไปถึงในสมัยบาบิโลน เรื่องราวที่เล่ามานี้น่าจะมีบทเรียน แต่โดยทั่วไปมนุษย์เรามักมองข้ามประวัติศาสตร์ จึงมักทำซ้ำรอยเดิม