จากคนเคาะกระดานหุ้น มาขับแท็กซี่ 20 ปี

จากคนเคาะกระดานหุ้น มาขับแท็กซี่ 20 ปี

ต้องพร้อมรับวิกฤต อย่าประมาท ที่สำคัญ อย่าเอาตัวเราไปอยู่ในตำแหน่งที่เสี่ยงต่อหายนะ

วันก่อน ผมนั่งแท็กซี่จากถนนเพชรบุรีไปทำธุระย่านเยาวราช เจอคนขับแท็กซี่อายุรุ่นอา เป็นคนไทยเชื้อสายจีน นั่งไปสักพักก็ชวนแกคุย รู้สึกได้เลยว่าแกเป็นคนมีการศึกษาสูงทีเดียว

คุยไปอีกพักหนึ่งจึงได้รู้ว่า แกเคยทำงานอยู่กับธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ หรือ BBC โดยเป็นคน “เคาะกระดานหุ้น” ก่อนจะตกงานตอนที่มีการปิดสถาบันการเงิน 56 แห่งหลังฟองสบู่แตก

แกเล่าว่า ช่วงนั้นชีวิตแกกำลังรุ่ง มีบ้าน มีรถ เพิ่งแต่งเมีย พอตกงาน แกก็สูญสิ้นเกือบทุกอย่าง

หลังเปลี่ยนรัฐบาล แกได้ยินข่าวว่า รมต.คลังให้คนตกงานที่มีบ้านติดแบงก์ไปรีไฟแนนซ์กับ ธอส. ได้ ปรากฏว่าพอแกไปจริง ธนาคารจะถามหาสลิปเงินเดือน แกโกรธมาก ด่ากลับไปว่า 'ก็ผมตกงาน แล้วจะมีสลิปเงินเดือนได้ยังไง' สุดท้ายผู้จัดการแบงก์ต้องเรียกแกไปคุย แล้วขอโทษขอโพยบอกว่าทำให้ไม่ได้ แกจึงเดินไปบอกผู้ร่วมชะตากรรมที่รอคิวอยู่เป็นร้อยๆ คนว่าพวกเราถูกหลอกแล้ว ก่อนจะฉีกเอกสารทิ้งกระจุยกระจาย

ผมถามว่าแล้วแกทำอย่างไรต่อ แกบอกว่า ก็ต้องเสียบ้านหลังนั้นไป ทั้งๆ ที่ผ่อนจะหมดอยู่แล้ว และต้องย้ายมาอยู่บ้านเช่าเดือนละ 5,000 พลางขับแท็กซี่หาเลี้ยงชีวิต

แกขับแท็กซี่ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 2542 อีกไม่กี่เดือนก็จะครบ 20 ปีพอดี

อย่างไรก็ตาม แกเล่าว่า ในวันที่แย่ที่สุดของชีวิตนั้น สิ่งที่แกไม่สูญเสียคือ 'ภรรยา' แกบอกภรรยาที่ตกงานพร้อมกันเพราะทำงานอยู่กับสถาบันการเงินอีกแห่งหนึ่งให้ไปหาสามีใหม่ จะได้ไม่ต้องมาตกระกำลำบากกับแก แต่ภรรยากลับด่าเข้าให้ บอกว่าเราลำบากมาด้วยกัน จะทิ้งกันได้อย่างไร

ถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบ 20 ปี แกยังขับแท็กซี่อยู่เหมือนเดิม และยังอยู่บ้านเช่าเดือนละ 8,000 บาท แต่ลูกชายคนเดียวของแกเรียนจบแล้ว มีงานมีการมั่นคง เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเพิ่งจะบวชให้ มีลูกดี แกก็หมดห่วง

ผมดูจากสีหน้าท่าทาง รู้เลยว่าแกหมดทุกข์แล้ว แกดูมีความสุขกับชีวิต ชวนผมคุยเป็นที่สนุกสนาน

ผมถามคำถามสุดท้ายว่า แกเคยคิดจะกลับไปทำงานในวงการหุ้นบ้างไหม แกบอกผมว่า เดี๋ยวนี้เขาใช้ระบบคอมพิวเตอร์หมด แกทำไม่เป็น “นิ้วผมมันไม่ไป” เป็นประโยคที่แกใช้อธิบายความ 'โลว์เทค' ของตัวเอง

บทสนทนากับคุณอาแท็กซี่คนนี้ให้บทเรียนแก่ผมสองข้อ ข้อแรกคือ เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับวิกฤต อย่าประมาท ที่สำคัญ อย่าเอาตัวเราไปอยู่ในตำแหน่งที่ 'เสี่ยงต่อหายนะ' เสียเอง

แต่บทเรียนที่มีค่ายิ่งกว่านั้น คือจงเลือกคนที่รักเราจริงๆ คนที่มาอยู่กับเราในวันที่เราลำบาก แม้ลำบากอีกครั้ง เขาก็จะไม่ทิ้งเรา คุณอาแท็กซี่คนนี้ผ่านอุปสรรคทุกอย่างมาได้ ก็ด้วยความรักและกำลังใจจากภรรยาของแก

เป็นสิ่งที่แม้จะมีเงินเป็นหมื่นๆ ล้านก็แลกเอามาไม่ได้เลย