อย่าหวังมากเกินไปกับเรียนรู้สมัยใหม่ผ่านเน็ต

อย่าหวังมากเกินไปกับเรียนรู้สมัยใหม่ผ่านเน็ต

ดูเหมือนว่า เรากำลังตื่นเต้นอยู่กับการเรียนรู้ผ่านอินเทอร์เน็ต จะเรียนกันแบบค้นเองเจอเอง ในยามที่ต้องการเรียนรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้

ไปจนกระทั่งที่บางคนทำท่าทางว่าจะเลิกลาห้องเรียน แล้วเรียนรู้ผ่านหลักสูตรบนอินเทอร์เน็ต ที่แจกฟรีบ้าง เก็บเงินบ้าง กระแสดูเหมือนจะไปในทางที่ว่าการเรียนรู้สมัยใหม่ ต้องเรียนผ่านอินเทอร์เน็ต ครูอาจารย์ทั้งหลายพากันเชียร์การเรียนรู้ผ่านอินเทอร์เน็ตกันยกใหญ่ เพราะใครไม่เชียร์ จะกลายเป็นคุณครูพันธ์เก่า แต่ที่น่าแปลกใจคือยิ่งกล่าวถึงการเรียนรู้สมัยใหม่มากเท่าใด โรงเรียนกวดวิชากลับยิ่งเติบโตมากขึ้น และเรียนออน์ไลน์ก็ได้เฉพาะในอาคารของโรงเรียนกวดวิชาเท่านั้น บอกกันว่าเรียนออนไลน์บนเน็ตดีสารพัด แต่กวดวิชาที่เรียนกันในห้องเรียนก็ยังขายดี

ถ้าจะแค่เรียนให้รู้ว่า ต้นอินทผลัม หน้าตาเป็นอย่างไร เรียนแบบเร็วๆ จากเน็ตจะได้ผลดีมาก ไม่ต้องเสียเวลาไปเข้าห้องเรียน เพื่อจะรู้แค่นี้ แต่ถ้าอยากรู้ว่าจะปลูกอินทผลัมที่สกลนคร จะต้องทำอย่างไรบ้าง ค้นกันจากเน็ตคงไม่ได้คำตอบครบถ้วน เพราะไม่ใช่แค่เรียนให้รู้จัก แต่เป็นการเรียนให้ทำได้ ภายใต้บริบทที่แตกต่างไปจากที่อื่น ถ้าเรียนวิธีปลูกอินทผลัมที่จอร์แดนจากเน็ต แล้วเอามาทำตามที่บอกไว้บนเน็ต มีหวังปลูกที่สกลนครไม่ขึ้น หรือขึ้นก็จริงแต่ผลเล็กนิดเดียว การเรียนรู้ เพื่อให้ทำอะไรสักอย่างหนึ่งได้อย่างจริงจังนั้น วิธีการเรียนรู้ของมนุษย์มีมาเป็นพันปีแล้ว ตั้งแต่สมัยกรีกโรมัน คือเรียนรู้ด้วยการสะสมประสบการณ์ แล้วต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดเป็นความรู้ ที่นำไปใช้ได้จริง ๆ ซึ่งวิธีการเรียนรู้แบบนี้ ยังคงอยู่แม้ว่าจะเปลี่ยนเทคโนโลยีมาแล้วหลายยุคหลายสมัย 

ถ้าจะสะสมประสบการณ์ต่อเนื่องกัน จากการค้นกูเกิล หรือเรียนออน์ไลน์ครั้งละ 3 - 5 นาทีนั้น อาจกระทำได้ไม่ง่ายนักสำหรับคนทุกคน ยกเว้นคนที่กำกับตัวเองในการสะสมประสบการณ์ได้เป็นอย่างดี ไม่จับแพะชนแกะจากการสืบค้นอินเทอร์เน็ตแต่ละครั้ง ยิ่งค้นกูเกิลมาก ก็จะยิ่งสำคัญตนผิดว่า ตัวฉันรอบรู้สารพัด แต่รู้สารพัดเสมือนได้เห็นมด ทั้งมดดำ มดแดง แล้วสรุปว่ารู้ดีเรื่องมด โดยไม่เคยดูว่ารังมดอยู่ที่ไหน รังมดหน้าตาเป็นอย่างไร มดดำกับมดแดงใครกัดเจ็บกว่ากัน 

ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบร้อนเชื่อว่า 3G   4G  5G จะมาเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของคน ที่วันหน้าเราไม่ต้องสะสมประสบการณ์อะไรกันอีกแล้ว ต่อเน็ตให้เป็นแค่นั้นพอ เพราะเชื่อไปว่าสารพัดความรู้หาได้จากอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาระของความรู้หาได้จริงๆ แต่กระบวนการนำสาระนั้นเข้าไปในหัวเรา แล้วส่งผลให้เราทำเรื่องนั้น เรื่องนี้ได้เองนั้น วันนี้เรายังไม่มีเครื่องมือส่งผ่านสาระความรู้ตรงเข้าไปในหัวสมองของใครคนใดคนหนึ่ง จะถ่ายทอดเข้าไปได้นั้นต้องการกิจกรรมหลายอย่างที่ใช้แอปในอินเทอร์เน็ตทำไม่ได้ ต้องมีกิจกรรมอื่น ๆเสริมอีกหลายอย่าง ที่ทำให้เราได้ประสบการณ์ในเรื่องที่เราอยากเรียนรู้นั้น เราต้องตามไปดูผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ทำขั้นตอนต่าง ๆของงานนั้น ดูการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น 

ที่สำคัญคือต้องคุย ต้องถามผู้รู้ว่าทำไมทำอย่างนั้น ทำไมไม่ทำแบบนี้ เราจึงจะสะสมประสบการณ์ในเรื่องนั้น ได้อย่างเพียงพอที่จะสังเคราะห์เป็นความรู้ ที่นำไปใช้ทำงานนั้นได้จริงๆ ถ้าทำแค่ดูสาระจากออนไลน์ ก็ได้แค่ได้ฟัง แต่ถ้าได้ตามไปดูผู้รู้ที่กำลังทำงานในขั้นตอนต่างๆ ก็ยกระดับขึ้นไปเป็นการเรียนรู้จากการเฝ้าสังเกต ซึ่งแน่นอนว่าได้ประสบการณ์มากขึ้นแน่ ๆ ฟังสิบปากว่าบนเน็ต ไม่เท่ากับเห็นด้วยตา ในบริบทจริงๆ ของงานนั้น ถ้าได้ดูแล้ว สงสัยตรงไหนก็ถามผู้รู้ในขณะนั้นได้เลย แสดงว่าเราได้ประสบการณ์มากขึ้นจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ

ลองนึกดูว่าถ้านักศึกษาแพทย์ฝึกผ่าตัดมากจากหลักสูตรออนไลน์ ไม่เคยเจอะเจอการฝึกผ่าตัดจริงๆ ที่กระทำร่วมกับอาจารย์หมอผู้เชี่ยวชาญ จะมีใครบ้างที่กล้ามาเป็นผู้ป่วยให้ลองผ่าตัดบ้าง

ดังนั้นใครที่เป็นพ่อแม่อย่าเพิ่งรีบร้อนตื่นเต้นไปกับคนใหญ่คนโตในวงการที่พลำ่พูดถึงแต่การเรียนรู้สมัยใหม่ ทั้งๆ ที่ลูกหลานของคนเหล่านั้นก็ยังกวดวิชาในห้องเรียนเหมือนคนอื่น ๆ