พรรคเฉพาะกิจ?

พรรคเฉพาะกิจ?

ปรากฏการณ์สัญจร ของครม.ประยุทธ์ ที่ถูกจับตาเรื่อง “ดูด” เพื่อก่อร่างสร้าง “พรรคพลังประชารัฐ”

 แม้จะมีตัวละครในพื้นที่ เปิดหน้าเปิดตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เอาเข้าจริง วงในค่ายนี้ก็ยังตั้งหลักไม่ได้

การที่นักเลือกตั้งแห่แหนกันไป สร้างความคึกคัก ก็เพราะมีแค่พรรคเดียวที่แอคทีฟได้

สำรวจล่าสุด 2-3 มุ้งที่ชุลมุนกันอยู่ในพรรคนี้ บ้านริมน้ำของสุชาติ ตันเจริญ กลุ่มสามมิตรล่าสุดมุ้ง พินิจ จารุสมบัติที่เพิ่ง กลับลำ

ขณะที่ “มุ้งสมคิด” ที่ดูเงียบเชียบไปโดยเฉพาะ “มือขวา” ได้ข่าวว่าขอโลว์โปรไฟล์ เพราะดันไปพันกับเรื่อง โครงการ “คลองด่าน” ในฐานะกรรมการ

ความหนักใจเลยตกอยู่ที่ “มือซ้าย” ที่รับงานมาเช็ครายชื่อ ปรากฏว่าแต่ละมุ้ง ส่งรายชื่อยาวเป็นหางว่าว ราวกับมีตัวเลือกเด็ดๆ 

ที่ไหนได้ พอเอามาเทียบกันแต่ละมุ้ง ปรากฏว่า 80% ของรายชื่อตรงกันเป๊ะ ปัญหาที่ตามมาคือ แล้วจะต้องจ่ายให้ มุ้งไหน” 

นี่เป็นความหนักอกหนักใจของบรรดาผู้ก่อการ คือความไม่เป็นเอกภาพของบรรดานักเลือกตั้ง ที่เริ่มต้นด้วยสูตร “ตัวเลข” ค่าใช้จ่าย “ตัวเลข” ต่อรองเก้าอี้ 

หรือเรื่องนี้ ทำให้เป็นที่มาของความเคลื่อนไหว “สายเขียว ของ “บิ๊กป้อม” ลงมาเดินพื้นที่เองด้วยกำลังไพร่พล เพื่อดึงนักเลือกตั้งเข้ามาอีก 3-4 สาย 

ตัวอย่าง ครม.สัญจร อุบลฯเที่ยวนี้ อดีตเลขาฯพรรคเพื่อไทย “สุพล ฟองงาม” ก็มาเพราะบิ๊กสีเขียวในพื้นที่

ที่น่าสนใจคือ พี่ใหญ่ คสช.กำลังคิดปรับสูตรใหม่ โดยมีแนวคิดว่า จะตั้งอีกพรรคดีหรือไม่

     โดยเป้าหมายพื้นที่ล่า ยังเน้นที่ภาคกลาง ซึ่งไม่เกี่ยวกับกระแส แค่ใช้กระสุน ที่มีการคุยอวดกันว่า หน้าตักมี “หมื่นล้าน” แต่ยังไม่กล้าใช้ เพราะเหตุระแวงกันเอง

ว่ากันว่า ถ้าเปิดอีกพรรคสายนี้อาจจะเลือกเฉพาะพวก “มีคดี” และอยากมีค่าใช้จ่าย พร้อมการันตีเก้าอี้

แว่วมาว่า คนดังสาย “ปากน้ำ” กับ อดีตส.ส.“ลพบุรี” มีชื่อในบัญชีแล้ว

หากดูจากกระบวนการดูดสร้างพรรค ถ้าไม่เป็นหนึ่งเดียว “พลังประชารัฐ” คงไปสู่ความสำเร็จได้ยาก เพราะนักเลือกตั้งมองว่าเป็นแค่ “พรรคเฉพาะกิจ จึงเริ่มต้นด้วยเงื่อนไขต่อรองมากกว่า “อุดมการณ์” ที่จะทำพรรคอย่างยั่งยืน

นักสังเกตการณ์กำลังเริ่มมองว่า การทำพรรครอบนี้อาจจะเป็นแค่ เป้าหมายแฝงเพราะไม่ว่าจะใช้สมการสูตรไหนเข้าไปสู่อำนาจการเมืองได้ ก็คงอยู่กันแบบมีปัญหาจากเรื่องต่อรองผลประโยชน์ 

แล้วก็จะเป็นเหตุ(ซ้ำซาก) ที่วงจร ยึดอำนาจจะกลับเข้ามาอีก

โดย...  นิภาวรรณ แก้วรากมุกข์