Google I/0 2018: ธีมใหญ่ด้วย AI

Google I/0 2018: ธีมใหญ่ด้วย AI

จากงาน Google I/O 2017 เมื่อ Sundar Pichai ซีอีโอของกูเกิลได้ประกาศเป้าให้กูเกิลเปลี่ยนจาก Mobile First เป็นบริษัท “AI First”

มาในปีนี้ กูเกิลได้แสดงผลงานขึ้นแท่นการเป็นผู้นำด้าน AI ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ที่มี AI เป็นหัวใจในการให้ข้อมูลและตัดสินใจ นับตั้งแต่กูเกิล แอสซิสแทนท์ (Google Assistant) ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมเหนือชั้นอย่าง Google Duplex และ Google Map ที่เพิ่มประสบการณ์ “AR Turn-by-Turn” รวมถึงการเปลี่ยนโฉมใหม่ของ Google News และ Google Lens ตลอดจนการปรากฏตัวของเวย์โม (Waymo) บริษัทน้องใหม่ในเครือที่ร่วมบรรยายถึงนวัตกรรมรถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicle) ในงานครั้งนี้

ให้เวลาคืนกับคุณ

กูเกิลต้องการช่วยลดเวลาที่เสียไปในชีวิตประจำวันของผู้คน โดยการให้เวลาคืนผ่านนวัตกรรม AI ใน Google Assistant ที่ติดตั้งมาพร้อมกับ “Google Duplex” เพื่อให้ AI จากกูเกิล แอสซิสแทนท์สามารถโทรศัพท์ไปสนทนาและทำการนัดหมายได้เองอัตโนมัติ อาทิ การที่กูเกิล แอสซิสแทนท์โทรหาร้านทำผมหรือโรงพยาบาลเพื่อทำการนัดหมาย ซึ่งสามารถสนทนาเลียนเสียงมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่อง (Continued Conversation) 

คนที่สนทนาด้วยจะไม่รู้ว่าเป็นเสียงของกูเกิล แอสซิสแทนท์ นับเป็นนวัตกรรมที่ยกระดับการสื่อสารของ AI และมนุษย์ จนเกิดคำวิจารณ์ถึงความเหมาะสมและข้อกฎหมายในบางรัฐของอเมริกาที่ไม่ให้มีการบันทึกเสียงสนทนาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้สนทนาเสียก่อน เนื่องจากการทำงานของ AI อาจต้องบันทึกเสียงสนทนาก่อนเพื่อใช้ตีความหมายในการโต้ตอบระหว่างการสนทนา

กูเกิลระบุว่า กูเกิล แอสซิสแทนท์จะทำงานได้มากกว่า 30 ภาษา และพร้อมให้ใช้ใน 80 ประเทศในปลายปีนี้ โดยจะทำงานได้กับอุปกรณ์ในบ้านกว่า 5,000 ชนิดและได้ถูกติดตั้งลงในอุปกรณ์กว่า 500 ล้านชิ้น รวมถึงถูกนำไปใช้ในรถยนต์กว่า 40 แบรนด์

พาลูกค้ามาร้าน

“Google Map” ถูกพัฒนาสำหรับ 220 ประเทศทั่วโลกและมีผู้ใช้งานกว่า 1,000 ล้านคน ช่วยให้ธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่สามารถถูกค้นหาได้สะดวกจากแอพ เพื่อลดปัญหาในการค้นหาเลขที่อาคารเพื่อระบุที่อยู่ได้มากที่สุด กูเกิลได้เริ่มใช้เทคโนโลยี Deep Learning กับฟังก์ชั่น “Street View” ใน Google Map เพื่อให้สามารถดึงเลขที่อยู่ในภาพจาก Street View มาใช้ และยังสามารถดึงเลขที่ถนนและชื่อถนนออกจากภาพอีกด้วย

นอกจากนั้น Google Map ช่วยแนะนำร้านอาหารที่ผู้ใช้จะชื่นชอบจากข้อมูลที่มีเกี่ยวกับร้านค้าและข้อมูลความพอใจในร้านอาหารของผู้ใช้ที่ถูกเก็บไว้ในระบบผ่านฟังก์ชั่น “Your Match” ตลอดจนแนะนำงานหรือกิจกรรมที่ถูกจัดขึ้นในบริเวณใกล้เคียง โดยกูเกิลยังได้เปิดตัวของฟังก์ชั่นใหม่อย่าง “AR Turn-by-Turn” ที่มีลูกศรช่วยให้ทิศทางการเลี้ยวขณะขับขี่ในท้องถนน ช่วยให้การเดินทางถูกต้องยิ่งขึ้น และยังแนะนำ Parking Lot ที่มีพื้นที่จอดรถอีกด้วย

ข่าวมากมายภายใต้แอพเดียว

กูเกิลได้แนะนำ “Google News” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AI ในการรวบรวมข่าวหรือเรื่องราวประจำวันที่ผู้คนอาจสนใจไว้ภายใต้แอพเดียว โดยการนำเสนอผ่านฟอร์แมตใหม่ที่เรียกว่า “Newscast” เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกอ่านข่าวที่สนใจ นับเป็นแพลตฟอร์มข่าวที่นำเอาเทคโนโลยีของกูเกิลมาจัดเรียงให้นำเสนอข่าวที่ตรงความสนใจกับผู้อ่านมากที่สุด จนเกิดข้อกังขาถึงการคัดสรรข่าวให้มีความน่าเชื่อถือและถูกต้อง และเป็นการสร้างเวทีการแข่งขันให้กับสำนักข่าวหรือเว็บไซต์ที่ต้องช่วงชิงพื้นที่กระดานข่าวในสนามของกูเกิล

ลีดสู่อีคอมเมิร์ซ

“Google Lens” เวอร์ชั่นใหม่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ค้นหาข้อมูลของหนังสือ ตึกอาคาร ต้นไม้ สัตว์ งานศิลปะ สิ่งของและเสื้อผ้า เพียงแต่ใช้กล้องที่มีฟังก์ชั่น Google Lens ส่องผ่านไปยังสิ่งนั้น Google Lens จึงนับเป็นนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้นช่วยให้การค้นหาง่ายและรวดเร็ว

เมื่อถูกนำมาใช้ร่วมกับ Google Map ทำให้สามารถค้นหาสถานที่และข้อมูลของสถานที่ได้อย่างรวดเร็ว ที่น่าสนใจคงได้แก่การที่ Google Lens สามารถแนะนำสไตล์เสื้อผ้าหรือแฟชั่นที่ผู้ใช้อาจสนใจพร้อมแนะนำร้านค้าที่สามารถช้อปได้ จึงสร้างโอกาสในการขายผ่าน Mobile Commerce ได้อย่างน่าสนใจ

ไม่ใช่เพียงข้อมูล

การที่ผู้คนเริ่มต้นแต่ละวันโดยการหาข้อมูลทางออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับบุคคล สินค้า สถานที่ หรือเรื่องราว ตลอดจนการหาข่าวสาร เส้นทางการเดินทาง การซื้อสินค้า หรือการทักทายสนทนา ย่อมทำให้แพลตฟอร์มดิจิทัลขนาดใหญ่ต่าง ๆ มีอิทธิพลในการตัดสินใจ การดำเนินชีวิตประจำวันและการทำธุรกิจของผู้คน

นอกจากการให้ข้อมูลแล้ว แพลตฟอร์มเหล่านี้ยังเก็บข้อมูลจากผู้คน รวบรวมเป็น Big Data ที่สามารถใช้ฝึกให้ระบบเข้าใจถึงความต้องการของผู้คนผ่านนวัตกรรมใหม่อย่าง AI นำเอาความชาญฉลาดของเทคโนโลยีร้อยรวมเข้าในอีโคซิสเต็ม (Ecosystem) ซึ่งล้อมผู้คนและการใช้ชีวิตเอาไว้ จึงอาจถึงเวลาที่ควรคิดแล้วว่านวัตกรรมจะมีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจและการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างไร ข้อมูลมากเพียงไรที่ผู้คนจะยอมให้เก็บต่อไปได้ หรือกระทั่งจะรับมือกับโลกของ AI กันอย่างไร