ห่วงบ้างก็ได้

ห่วงบ้างก็ได้

ในวันที่ 5 พ.ค. นี้ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ดีเดย์นัดชุมนุมใหญ่ ​โดยทางกลุ่มพูดอยู่เสมอว่า นี่คือการชุมนุมที่ยกระดับ

หลังจากที่จัดชุมนุมย่อยๆ แล้วไม่ได้ผลเท่าไหร่ แถมมีแว่วมาว่า การชุมนุมครั้งนี้จะลากยาวค้างคืน ซึ่งประเด็นในการชุมนุม ก็ยังคงเป็นประเด็นเดิมๆ คือการทวงถามสัญญาวันเลือกตั้ง ที่กลายเป็นสัญญาหน้าฝน ไม่เป็นตามที่พูดสักที

แต่แม้ว่าจะยกระดับยังไง ฟากรัฐบาลก็ยังบอกว่า “ไม่น่าเป็นห่วง” และไม่ได้จัดเตรียมอะไรเป็นพิเศษ  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกมาบอกด้วยตัวเองทุกครั้งที่ถูกนักข่าวถามเรื่องนี้

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพี-มูฟ เคลื่อนพลมาจากบ้านเกิดตัวเอง เพื่อชุมนุมเรียกร้องรัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องที่ดินและความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาที่รัฐบาลนี้บอกว่าจะแก้ให้ตอนเข้ามาใหม่ๆ ผ่านไป 4 ปี พวกเขาเห็นว่ากลายเป็นว่าไม่ได้รับการเหลียวแล แม้ว่า สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะลงมาเจรจาด้วย แต่กลุ่มชาวบ้านตัดสินใจที่จะค้างคืน บริเวณหน้ากระทรวงมหาดไทย ยาวไปจนกว่าจะได้คำตอบ หลังการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) อังคารที่ 8 พ.ค. นี้ ถ้าพอใจก็กลับบ้าน ถ้าคำตอบไม่โอเค ก็อาจมีต่อยาว

ข่าวแว่วว่า ทางกลุ่ม พี-มูฟ อาจผสมโรงกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้งด้วย แต่ทางพล.อ.ประวิตร ก็ยังบอกไม่น่าเป็นห่วง สื่อตีความไปเอง

ไหนจะกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้าน “หมู่บ้านป่าแหว่ง” ของเหล่าตุลาการ ที่ดอยสุเทพ ซึ่งแสดงออกถึงความไม่พอใจในเรื่องดังกล่าว แม้ว่าโครงการไม่ได้เริ่มในรัฐบาลนี้ก็ตาม ยังไม่นับรวมกับ กระแสโลกออนไลน์ ที่ประธานบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่ ต้องสงสัยว่าฆ่าเสือดำ ซึ่งหลายคนมองว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้บังคับใช้กฎหมายจริงจัง แต่ไม่ว่าจะถามประเด็นนี้ทีไร รัฐบาลก็บอกว่าไม่น่าเป็นห่วงอยู่เสมอ

คำว่าไม่น่าห่วง ก็น่าคิดเช่นกัน เพราะทุกวันนี้ กระแสไม่พอใจเริ่มก่อตัวเป็นหลายๆ กลุ่มแล้ว ทั้งเดินถนนจริงจนถึงโลกออนไลน์ ถ้ามัวแต่ไม่ห่วง ระวังอนาคตการเมืองอาจจะร่วงได้ เพราะคนเขาเริ่มรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร