5 ข้อคิดสำหรับการบริหารความมั่งคั่ง

5 ข้อคิดสำหรับการบริหารความมั่งคั่ง

5 ข้อคิดสำหรับการบริหารความมั่งคั่ง

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกๆท่าน เข้าสู่บรรยากาศสงกรานต์และอุณหภูมิที่ร้อนระอุ เช่นเดียวกับอุณหภูมิของความขัดแย้งทางตะวันออกกลางที่ระอุมากขึ้นจนอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่รุนแรงขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนรวมถึงความผันผวนของความมั่งคั่งของเราได้ ก็หวังว่าการเจรจาจะออกมาในทิศทางที่ดี และขอให้ท่านผู้อ่านยึดหลักการกระจายความเสี่ยงและเป้าหมายของแผนความมั่งคั่งเอาไว้นะครับ

วันนี้ผมอยากยกคำพูดของกูรูที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนหรือการบริหารความมั่งคั่งเพื่อเป็นข้อคิดสำหรับท่านผู้อ่านเพื่อให้สามารถจดจำได้ง่ายๆและนำไปประยุกต์ใช้กับการบริหารความมั่งมั่งในชีวิตจริงได้

  1. “Set a goal to become a millionaire for what it will make of you to achieve it. Do it for the skills you have to learn or the person you have to become” โดย Jim Rhon กูรูด้านการพัฒนาตนเอง ซึ่งข้อคิดแรกที่ผมยกมาเป็นเรื่องของการตั้งเป้าหมาย ซึ่งจิมให้เราตั้งเป้าหมายใหญ่ในการที่จะทำให้ตัวเราเป็นเศรษฐีหรือผู้มั่งคั่งในอนาคต นอกจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว จิมยังบอกให้เราเรียนรู้ทักษะทุกๆอย่างที่จำเป็นในการที่จะทำให้เราบรรถึงเป้าหมายนี้ ตลอดจนเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อที่จะให้บรรลุถึงเป้าหมายของการเป็นเศรษฐีนี้ให้จงได้
  2. “Do not save what is left after spending but spending what is left after saving” โดย Warren Buffet หลังจากที่เราตั้งเป้าหมายแล้ว ข้อคิดนี้เหมือนเป็นตัวบังคับให้เราต้องเก็บออมเงินเพื่อนำไปลงทุนให้สามารถบรรลุเป้าหมาย แทนที่คนปกติเมื่อได้รับเงินเดือนมาก็จะใช้จ่ายในสิ่งของที่จำเป็นรวมถึงไม่จำเป็น แต่แง่คิดของการบริหารความมั่งคั่งเมื่อเราตั้งเป้าหมายและคำนวณแล้วว่าเราต้องใช้เงินในแต่ละเดือนเท่าไหร่เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่วางไว้ เราต้องยึดถือว่าเงินจำนวนนี้เป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องใช้ หลังจากนั้นรายได้ส่วนที่เหลือจึงนำมาแตกออกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายซึ่งหากไม่เพียงพอเราอาจต้องปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วนลงหรือถ้าจำเป็นจริงเราอาจต้องแสวงหารายได้เพิ่ม
  3. “Never depend on single income, make investment to create a second source” โดย วอเรนต์ บัฟเฟต ซึ่งข้อคิดบอกให้เราไม่พึ่งพิงรายได้จากเพียงแหล่งใดแหล่งหนึ่งเพียงแหล่งเดียว เช่นการพึ่งพิงเงินเดือน แต่ให้เราสร้างแหล่งรายได้แหล่งอื่นเพิ่มเติมจากการลงทุน ซึ่งท่านผู้อ่านอาจถามว่ากว่าจะบรรลุถึงขั้นให้เงินลงทุนออกดอกออกผลจนเป็นแหล่งรายได้นั้นต้องใช้เวลาและเงินที่มากอยู่ ใช่ครับ แต่อย่าลืมว่าเราทุกคนมาเงินทุนที่สำคัญอีกสองอย่างคือ”ตัวเราเอง’ กับ”เวลา” นั่นคือเราสามารถใช้แรงงานหรือความรู้ความสามารถของเราในการหารายได้เพิ่มเติมได้นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการเป็นฟรีแลนซ์ การทำธุรกิจออนไลน์ เป็นต้น
  4. “Formal education will make you a living; self-education will make you a fortune” โดย จิม โรห์น ข้อคิดนี้บอกให้เรารู้ว่าการเรียนตามระบอบการเรียนการสอนนั้นอาจเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้เราสามารถเข้าทำงานในบริษัทหรือองค์กรต่างๆได้เพื่อให้เราได้รับเงินเดือนให้เพียงพอกับชีวิตประจำวัน แต่จิมบอกว่าการเรียนรู้ด้วยตนเองต่างหากที่จะทำให้เราร่ำรวย ยิ่งในยุคนี้ที่การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆสามารถทำได้ง่ายขึ้นจากหนังสือ อินเตอร์เนต ยูทูป ซึ่งผมเห็นหลายคนสามารถเล่นดนตรี ทำอาหาร เต้น โดยดูจากยูทุป แต่อย่าลืมข้อคิดที่หนึ่งว่าเราต้องเรียนรู้ทักษะต่างๆทุกอย่างเพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้ ไม่ใช่เรียนรู้ไปเรื่อยเปื่อย
  5. “It is health that is real wealth and not piece of goal and silver” โดย Mahatma Gandhi ซึ่งข้อคิดสุดท้ายนี้ผมอยากฝากเอาไว้ให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านว่า ท้ายสุด การมีร่างการที่แข็งแรงและสุขภาพที่ดี นั่นแหละที่เป็นความมั่งคั่งที่แท้ ดังนั้นผมอยากให้ท่านผู้อ่านเริ่มลงทุนกับชีวิตด้วยการเริ่มต้นออกกำลังกายโดยตั้งเป้าหมายและรักษาวินัยในการออกกำลังกายนี้เอาไว้ให้ตลอดและต่อเนื่องนะครับ

ท้ายสุดนี้ผมก็ขอให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านสุขภาพแข็งแรงและโชคดีในการลงทุนครับ