ศาสนจักรที่มัวหมอง

ศาสนจักรที่มัวหมอง

ประมาณกลางปี 2560 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลุยตรวจสอบ คดีทุจริตเงินทอนวัด หรือ

 “งบอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด มีทั้งพระสงฆ์ และฆราวาส ร่วมกัน โกงเงินทำนุบำรุงพุทธศาสนา ทำ ศาสนจักรมัวหมอง

ปปป.สรุปล็อตแรก ตั้งแต่ปี 2555-2559 พบทุจริต 12 วัด ความเสียหาย 60 ล้านบาท มีผู้ต้องหา 10 คน

ล็อตที่สอง ตั้งแต่ปี 2555-2560 พบทุจริต 1.เงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด 2.เงินอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ 3.เงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา แผนกธรรมและแผนกบาลี จำนวน 23 วัด ความเสียหาย 141 ล้านบาท มีผู้เกี่ยวข้องเข้าข่ายความผิดหลายคน รวมทั้งอดีต ผอ.พศ. เจ้าหน้าที่ พศ. และพระหลายรูป

ปปป.ส่งข้อมูลให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตามยึดทรัพย์ นพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีต ผอ.พศ. เกี่ยวข้องกับเงินทอนวัดล็อตแรกกว่า 70 ล้านบาท

จากนั้น 12 ต.ค.2560 พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เชิญ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และเจ้าหน้าที่ ปปง. ปรึกษาหารือแนวทางคดีทุจริตเงินทอนวัด ล็อตที่สาม

ปี 2560 ป.ป.ช.รับคดีจาก ปปป.และรับเรื่องไว้เอง รวม 97 เรื่อง

เดือนธ.ค.ปีเดียวกัน ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นพรัตน์” “ประนอม คงพิกุล อดีตรองผอ.พศ. พนม ศรศิลป์ อดีตผอ.พศ. ร่วมกับ ชมพูนุท จันฤาไชย ทุจริตเงินทอนวัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา ในปีงบประมาณ 2557-2558

8 มกราคม 2561 ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด ประนอม พนม และข้าราชการ พศ. รวม 9 คน ร่วมทุจริตเงินอุดหนุนวัด 3 แห่ง ใน จ.สงขลา ยะลา นราธิวาส วัดละ 4 ล้านบาท และส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา

11 เม.ย.2561 พศ. เข้าแจ้งความกับ ปปป. คราวนี้ นับว่าสะเทือนวงการสงฆ์ เมื่อผู้ถูกกล่าวหาเป็นพระผู้ใหญ่ 5 รูป ประกอบด้วย

1.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร

2.พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7

3.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10

4.พระเมธีสุทธิกร (สังคม ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ

และ 5.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ

พระทั้ง 5 รูป ร่วมทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม นอกจากผิดอาญาแล้ว ยังเข้าข่ายอาบัติปาราชิกตามพระธรรมวินัย

ไม่สมควรครองสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นเจ้า คณะรอง และดำรงตำแหน่งกรรมการ มส.นี่คือข้อความระบุข้อหาที่ พ.ต.ท.พงศ์พร แจ้งความไว้ที่ปปป.

พระทั้ง 5 รูปเกี่ยวข้องกับเงินทอนวัด 3 ใน 10 วัด ของล็อตที่สาม โดยอีก 7 วัด ปปป.ได้นัด ผอ.พศ.มาสอบปากคำ 19 เม.ย.นี้ เมื่อสอบสวนเสร็จ พ.ต.อ.จักษ์ เพ็งสาธร รองผบก.ปปป. จะนำสำนวนการสอบสวน 4 แฟ้มใหญ่ ไปส่งให้ป.ป.ช.

ผมสอบถามกรรมการป.ป.ช. ท่านบอกว่า พิจารณาโดยใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับที่ได้วินิจฉัยไปก่อนหน้านี้

แต่ล็อตที่สาม กรรมการ ป.ป.ช.บอกว่า คงต้องดูแล้วดูอีก เพราะมีพระสงฆ์ ที่มีผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางพระพุทธศาสนา

สำหรับผมถ้าผิด กฎหมาย มันไม่เกี่ยวกับ ศรัทธา