มาตรการแก้ไขเรื่องทีวีดิจิทัลของรัฐบาล...ต้องคิดให้ดี

มาตรการแก้ไขเรื่องทีวีดิจิทัลของรัฐบาล...ต้องคิดให้ดี

เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวจากศาลปกครองให้ผู้ชนะประมูลทีวีดิจิทัลรายหนึ่งจากการประมูลทีวีดิจิทัลในปี 2558

ที่ไม่มีความสามารถในการชำระค่างวด กสทช. ไม่ต้องถูก กสทช.ยึด bank guarantee

จากนั้น รัฐบาลก็เรียกประชุมหาทางออก โดยการยืดระยะเวลาชำระค่างวดออกไป

เรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ

เคยคิดตอนที่ กสทช.กำหนดราคาประมูลขั้นต่ำว่าเหมาะสมเพียงไร และเกณฑ์ราคานั้นอยู่บนพื้นฐานอะไร ช่วงนั้นได้ยินแต่มีผู้ต้องการเข้าประมูลจำนวนมาก ราคาจึงดูเหมือนอยู่ที่ความต้องการของผู้สนใจประมูลมากกว่าพื้นฐานที่แท้จริง

มีความเห็นว่า ถ้าราคาประมูลที่ กสทช.กำหนดนั้นไม่ได้อยู่บนพื้นฐานที่เหมาะสม กสทช.ก็น่าจะมีส่วนรับผิดชอบในการกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันที่เรียกว่า over pricing และเมื่อเกิดปัญหาผู้ชนะประมูลไม่สามารถหาเงินมาชำระค่างวดได้ กสทช.ก็ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะเป็นการตั้งราคาที่เกินสมควร แม้ไม่มีเจตนาให้ผู้ชนะประมูลเสียหาย ตรงนี้น่าจะเข้าลักษณะความรับผิดชอบที่ กสทช.ต้องมีส่วนรับผิด

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประมูลที่สู้กันนั้นก็ต้องมีความรับผิดชอบในการตัดสินใจของตัวเองด้วย เพราะเมื่อต้องการชนะก็ทุ่มจนเกินตัว และมองในแง่ดีอย่างเดียวว่าจะคุ้มค่ากับรายได้ ทั้งๆ ที่ตลาดนั้นมีความผันผวนสูง

ใครๆ ก็รู้ ผู้เข้าประมูลทุกคนก็รู้ว่าเทคโนโลยีสื่อกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมากแค่ไหน ทุกคนที่ประมูลเชื่อมั่นในตัวเองมากไป เมื่อไม่สามารถชำระค่างวดได้ ก็ต้องรับผิดชอบตามที่กำหนดไว้ในสัญญา

ถ้าถามว่า แล้วทั้ง กสทชทั้งผู้ชนะประมูลจะทำอย่างไร

มีความเห็นว่าก็ต้องกลับมาดูพื้นฐานราคาที่ กสทช.กำหนดตอนนั้น มันควรเป็นเท่าไร จากนั้นก็พิจารณาผู้ชนะประมูลว่าค่างวดควรจะเป็นเท่าไร เงินประกันหรือ bank guarantee ควรจะเป็นเท่าไร ถ้าอย่างนี้จะสมเหตุสมผลมากสุด

การขยายระยะเวลาทอดออกไปในการชำระค่างวดก็ดี การไม่ยึด bank guarantee ก็ดี ไม่น่าเป็นคำตอบที่เป็นเหตุเป็นผล

ถ้ารัฐบาลจะช่วยจริง ก็ต้องช่วยบนหลักการที่สมเหตุสมผล และต้องเหมือนกันทั้งหมด หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือต้องลดสเกลหรือขนาดของราคาประมูลในทุกมิติ ในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน

และเมื่อได้แก้ไขแล้ว ผู้ชนะประมูลคงไม่มีข้อแก้ตัวเรื่องเทคโนโลยี เรื่องกล่องดิจิทัล เรื่องเครือข่าย ที่อ้างว่าเป็นความผิดของ กสทช. เพราะราคาประมูลต้องกำหนดตามพื้นฐานในขณะนั้น ที่ยังไม่มีเรื่องพวกนี้ สำหรับผู้แพ้ประมูลก็ไม่น่าจะมีข้ออ้างให้ยกเลิกการประมูล เพราะประมูลแพ้ไปตั้งแต่ต้นแล้ว

การแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลกำลังทำอยู่นี้ แม้จะใช้ ม.44 ก็ไม่ช่วยอะไรมากนัก เพียงแต่ต่อลมหายใจให้อีกเฮือกหนึ่งเท่านั้น