“เอก ธนาธร” ผู้นำการอภิวัฒน์?

“เอก ธนาธร” ผู้นำการอภิวัฒน์?

สองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการส่งต่อเรื่องราวของ “พรรคคนรุ่นใหม่” (Social Democracy) ผ่านสื่อโซเชียลอย่างกว้างขวาง

และมีเสียงตอบรับจากผู้คนที่รักประชาธิปไตย และเฝ้ารอคอยกำเนิดพรรคฝ่ายก้าวหน้าอย่างเร่าร้อน

แม้คนเขียนจะระบุแค่ “นักธุรกิจนามสกุลดัง ผู้บริหารเบอร์ 2 ของอุตสาหกรรมยานยนต์” แต่คนทั้งประเทศก็ชี้ไปที่ “ไทคูนหมื่นล้าน” นามว่า “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”

“เอก ธนาธร” เป็นลูกชายคนโตของ พัฒนา-สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของอาณาจักรไทยซัมมิทกรุ๊ป ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วน และอะไหล่ยานยนต์แห่งภูมิภาคเอเชีย

เดิมทีตระกูลของ “พัฒนา” ใช้นามสกุล “แซ่จึง” เมื่อทำการค้า ในฐานะพี่ชายใหญ่ก็นึกว่าจะตั้งนามสกุลอะไรดี ให้กิจการรุ่งเรือง เลยเลือกนามสกุล “จึงรุ่งเรืองกิจ”

ปี 2545 พัฒนาเสียชีวิต สมพรจึงเป็นแม่ทัพใหญ่ดูแลกิจการ และมอบให้ “เอก ธนาธร” ลูกชายคนโตเข้ามาบริหารด้านการผลิตทั้งหมด

จะว่าไปแล้ว โลกการเมืองของ “พัฒนา” กับ “ธนาธร” ต่างกัน

พัฒนา จึงรุ่งเรือง ทำธุรกิจชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์ ในยุค “การเมือง 2.0” ประเทศไทยหลุดพ้นจากประชาธิปไตยครึ่งใบ สู่ระบบธนาธิปไตย

ด้วยเหตุนี้ “พัฒนา” จึงต้องไปเล่นกอล์ฟก๊วนเดียวกับเสนาะ เทียนทอง และมนตรี พงษ์พานิช

สำหรับ “เอก ธนาธร” ที่เข้ามาแบกรับธุรกิจของครอบครัว ในยุค “การเมือง 3.0” ซึ่งมี “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นโมเดลการเมืองใหม่

การเติบโตของทักษิณ หมายถึงการเติบใหญ่ “ทุนนิยมเสรี” ที่เบียดขับ “ทุนนิยมอุปถัมภ์” ให้ถอยออกไป พร้อมกับเปิดพื้นที่ให้แก่ คนรุ่นใหม่สร้างฐาน “ทุนใหม่”

สมัยเรียนที่ธรรมศาสตร์ “เอก ธนาธร” เป็นแอ็กติวิสต์หัวก้าวหน้า หลังเรียนจบได้เข้าทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชน ในกลุ่มเพื่อนประชาชน(FOP) เอกยังให้ความสำคัญกับการเมืองภาคประชาชน

หลังรัฐประหาร 2549 “เอก” แสดงความเห็นทางการเมืองผ่านสื่ออยู่เป็นระยะๆ ด้วยจุดยืนการไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร

ทายาท “จึงรุ่งเรืองกิจ” ยังได้แสดงออกถึงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับ “อำมาตยาธิปไตย” (ไม่ต่างจาก “เปรมาธิปไตย”) ผ่านการเข้าร่วมการชุมนุมกับ นปช. รวมถึงการสนับสนุนการขับเคลื่อนเรียกร้องการแก้กฎหมายล้าหลังของกลุ่มนิติราษฎร์

เมื่อมีการรัฐประหาร 2557 “เอก” แสดงความเห็นคัดค้านอำนาจเผด็จการ และเข้าร่วมกิจกรรมกับ “กลุ่มประชาธิปไตยใหม่” (กลุ่มคนอยากเลือกตั้งในวันนี้) เป็นบางโอกาส

คสช.จึงเฝ้าจับตาลูกนักธุรกิจใหญ่ เพราะฐานข้อมูลเดิมที่ชี้เป้าไปที่ “เอก” กับกลุ่มนักกิจกรรมหัวก้าวหน้า(เพื่อนรุ่นเดียวกัน)

ระยะหลัง เอกให้สัมภาษณ์สื่อบางสำนักถึงความกังวลต่อการถดถอยของประชาธิปไตยเมืองไทย หากคนรุ่นใหม่ไม่ลุกขึ้นมาทำงานการเมือง ประเทศชาติคงจมอยู่ใต้เงาเผด็จการไปอีกนาน

จริงๆแล้ว แนวคิดตั้งพรรคการเมืองของภาคประชาชน มีการคิดอ่านกันมานานพอสมควร โดยเฉพาะกลุ่มปัญญาชนที่ต้องการ “ก้าวข้ามทักษิณ” พลันที่ “เอก” เสนอตัวเป็นผู้ถือ “ธงประชาธิปไตยประชาชน” ก็เหมือนทุกอย่างจะลงตัว

ทายาทจึงรุ่งเรืองกิจ เลยเป็นความหวังใหม่ ที่จะมีการพลิกโฉมหน้าประชาธิปไตยไทย ให้พ้นวงจรอำนาจเผด็จการ