จับตาจีนแก้ไขรัฐธรรมนูญ

จับตาจีนแก้ไขรัฐธรรมนูญ

จีนกำลังจะจัดประชุมสภาประชาชนแห่งชาติในเดือนมี.ค. ซึ่งคาดหมายกันว่า การประชุมครั้งนี้ จะมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศ

ครั้งสุดท้ายที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจีน คือ เมื่อปี 2004 ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบใหม่นี้ จึงนับว่ามีความสำคัญมาก และยังจะสะท้อนทิศทางการเมืองในอนาคตของจีนด้วย

ข่าวทางการยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนว่า จะมีการแก้ไขเรื่องอะไรบ้าง แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จับตามองที่ 3 เรื่องสำคัญครับ

เรื่องแรก คือ การจัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อตรวจสอบและปราบปรามการทุจริต ซึ่งเชื่อว่าจะมีการบรรจุองค์กรใหม่นี้ไว้ในรัฐธรรมนูญ และยังจะเสนอร่างกฎหมายตรวจสอบและปราบปรามการทุจริต เพื่อกำหนดรายละเอียดการดำเนินงานขององค์กรนี้อีกด้วย

แต่เดิม ระบบการปราบคอร์รัปชันของจีน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 หน่วยงาน ได้แก่

1.) หน่วยวินัยของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งรับผิดชอบในการตรวจสอบการทุจริตของบรรดาสมาชิกพรรค (เจ้าหน้าที่ของรัฐในจีนส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์)

2.) กระทรวงตรวจสอบของรัฐบาลจีน ซึ่งรับผิดชอบในการตรวจสอบการทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล 

3.) สำนักงานอัยการ ซึ่งมีฝ่ายที่รับผิดชอบการจัดทำสำนวนเพื่อส่งฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐต่อศาล

ตั้งแต่ที่สี จิ้นผิงขึ้นมาเป็นผู้นำจีน ได้ประกาศนโยบายปราบคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ โดยเน้นใช้หน่วยงานวินัยพรรคเป็นองค์กรสำคัญในการดำเนินการ โดยได้มีการลงโทษสมาชิกพรรคมากกว่า 1.5 ล้านคน และปลดผู้นำพรรคระดับสูงหลายคน 

เมื่อหน่วยวินัยพรรคลงดาบสมาชิกพรรคคนใด กระทรวงตรวจสอบและสำนักอัยการก็จะรับลูกไปดำเนินการต่อในระบบทางการของรัฐ

ช่วงที่ผ่านมา สี จิ้นผิงได้ให้นโยบายว่าจะต้องมีการปรับปรุงระบบการตรวจสอบ และ ปราบปรามการทุจริต โดยต้องพัฒนาให้เป็นระบบทางการที่มีประสิทธิภาพ นี่จึงเป็นที่มาของแผนการจัดตั้งองค์กรใหม่ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตโดยเฉพาะ

นักวิชาการด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายมหาชนของจีนหลายคนได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายตรวจสอบ และปราบปรามการทุจริต โดยเกรงว่าองค์กรดังกล่าวว่าจะมีอำนาจมากเกินไปหรือไม่  และหากองค์กรดังกล่าวใช้อำนาจในทางมิชอบ จะมีใครสามารถตรวจสอบถ่วงดุลได้หรือไม่ 

นอกจากนั้น ยังมีความกังวลว่าจะมีการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาคดีคอร์รัปชันอย่างเหมาะสมหรือไม่  จึงต้องจับตาดูครับว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และในการออกกฎหมายใหม่เรื่องนี้ในเดือนหน้า จะออกมาในรูปแบบใด

เรื่องที่สองที่จะต้องจับตา ก็คือ แนวโน้มว่าจะมีการใส่ “ความคิดสี จิ้นผิงเกี่ยวกับสังคมนิยมอันมีเอกลักษณ์แบบจีนในยุคใหม่” เข้าไปในบทนำของรัฐธรรมนูญ

ก่อนหน้านี้ ในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เมื่อเดือนต.ค. ก็ได้มีการบรรจุความคิดสี จิ้นผิงเข้าไปในธรรมนูญของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาณว่า สีจิ้นผิงสามารถรวบอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จ และเอาตัวเองขึ้นเทียบชั้นกับเหมาเจ๋อตงและเติ้งเสี่ยวผิง

ถ้าหากในเดือนหน้า มีใส่ความคิดสีจิ้นผิงเข้าไปในรัฐธรรมนูญจีนจริง ก็ยิ่งจะเป็นการส่งสัญญาณพลังอำนาจของสีจิ้นผิงมากขึ้นไปอีก ในประวัติศาสตร์จีน มีเพียงเหมาเจ๋อตงคนเดียวเท่านั้น ที่ได้มีการบรรจุความคิดเหมาเจ๋อตงเข้าไปในรัฐธรรมนูญจีนในขณะที่ตัวเขายังครองอำนาจอยู่

เรื่องสุดท้ายที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ก็คือ จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องระยะเวลาการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไม่ รัฐธรรมนูญจีนฉบับปัจจุบันจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไว้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน วาระละ 5 ปี นั่นคือ ห้ามดำรงตำแหน่งต่อเนื่องเกิน 10 ปี

ปกติแล้ว ผู้นำสูงสุดของจีนจะควบตำแหน่ง ตำแหน่งพร้อมกัน ได้แก่ เลขาพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานาธิบดี และประธานกรรมาธิการทหารสูงสุดอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน และหู จินเทาต่างดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดคนละ 10 ปี  สอดคล้องกับวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญจีน

ในการประชุมสภาประชาชนเดือนหน้า จะมีการรับรองให้สี จิ้นผิงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อเป็นวาระที่ 2 

แต่คำถามที่หลายคนตอนนี้สงสัยก็คือ สีจิ้นผิง ซึ่งบัดนี้รวบอำนาจเบ็ดเสร็จกว่าผู้นำคนก่อนๆ จะต้องการครองอำนาจมากกว่า 10 ปีหรือไม่ หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เมื่อเดือนต.ค.ผ่านมา ไม่มีการแต่งตั้งทายาททางการเมือง ส่งผลให้คนสงสัยและจับตาดูว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ด้วยหรือไม่

การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังจะมีขึ้นในยุคของสี จิ้นผิง มีความแตกต่างจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งก่อนๆ เพราะในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมา มักพยายามแยกระบบพรรคคอมมิวนิสต์ และระบบของรัฐทางการออกจากกัน โดยพยายามปฏิรูปให้จีนปกครองด้วยระบบทางการมากขึ้น แต่สีจิ้นผิงกลับมีนโยบายชัดเจนว่า ระบบทางการต้องนำด้วยพรรคและอยู่ภายใต้พรรค

ดังนั้น องค์กรตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตที่จะตั้งขึ้นมาใหม่ ก็ต้องอยู่ภายใต้การนำของหน่วยวินัยพรรค ส่วนความคิดสี จิ้นผิงเมื่ออยู่ในธรรมนูญพรรคแล้ว ก็ควรต้องเข้าไปอยู่ในรัฐธรรมนูญของรัฐด้วย 

ถ้าสีจิ้นผิงต้องการจะเป็นผู้นำพรรคมากกว่า 10 ปี ก็ต้องแก้ไขเรื่องระยะเวลาการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน

การแก้ไขรัฐธรรมนูญจีนในครั้งนี้จึงสำคัญมาก จะมีการแก้ไขทั้งสามเรื่องจริงไหม มากน้อยเพียงไร ต้องติดตามการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติของจีนในเดือนหน้าอย่างใกล้ชิดครับ!