การเมืองไทย ในวงสนทนา

แต่ได้มีการพูดคุยนอกรอบเรื่องบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ต่างๆภายในพรรค เริ่มที่ทางฝั่งพรรคเพื่อไทย ที่มีข่าวว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้วางตัว “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย เข้ามามีบทบาทบริหารจัดการภายในพรรค 

ด้วยความสนิทสนมระหว่างเฮียเพ้งกับนายใหญ่มีการมองไปถึงขั้นการวางตัวให้เป็น“ขุนพล”คนสำคัญในการจัดทัพเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ขณะที่สมาชิกบางส่วนออกอาการงงพร้อมปฏิเสธว่า ยังไม่ถึงขั้นจะมาคุมพรรคอาจเป็นเพียงความชื่นชอบส่วนบุคคลที่นำไปเสนอนายใหญ่เพื่อพิจารณา แต่ก็ยอมรับว่าเฮียเพ้งถือเป็นผู้ใหญ่ในพรรคและเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสม

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เพื่อไทยผุดประเด็นการวางตัวขุนพลพรรค เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวการทาบทาม สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสที่สมาชิกพรรคบางส่วนไม่สนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นผู้นำคนต่อไป ในส่วนของเฮียเพ้งนั้นถือเป็นบุคคลที่มีความสนิทสนมกับทักษิณเป็นอย่างดี เริ่มมาจากการอาสาไปเจรจาซื้อขายสนามกอล์ฟอัลไพน์ จึงไม่แปลกที่เขาอาจถูกวางตัวในตำแหน่งสำคัญดังกล่าว

ข้ามมาที่ขั้วตรงข้ามอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกปปส.ที่ล่าสุดถูกเปิดประเด็นโดย วัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ว่า เตรียมตั้งพรรคการเมืองสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่วัชระออกมาเปิดข้อมูลดังกล่าว และหากย้อนกลับไปในการเลือกตั้งปี2554 ขณะนั้นวัชระถูกปรับจากผู้สมัครส.ส.ระบบเขต มาอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่“ลุ้นเหงื่อตก” ทำให้เจ้าตัวออกมาแถลงตัดพ้อในทำนองว่า “ผมไม่ใช่ลูกเศรษฐี” 

แม้จะไม่ระบุชื่อแต่ก็ชัดเจนว่าลูกเศรษฐีที่หมายถึงคือ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ซึ่งเป็นเสมือนมือขวาของสุเทพและเป็นผู้สมัครหน้าใหม่เขตหนองแขมซึ่งเป็นเขตเดิมของวัชระ จนทำให้สุเทพปรามให้วัชระสงบปากสงบคำลง ประเด็นนี้เองที่ทำให้วัชระและสุเทพมีความมีความ“กินแหนงแคลงใจ”กัน แม้ว่าในช่วงการชุมนุมกปปส.จะเห็นวัชระเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวเวทีกปปส.ก็ตาม

ขณะนี้ฝ่ายการเมืองยังคงต้องร้องเพลงรอต่อไปจนกว่า“ระฆัง”จากทางคสช.จะดังขึ้นซึ่งยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่ถึงเวลานั้นเราคงจะได้เห็นภาพต่างๆที่ชัดเจนยิ่งกว่านี้

โดย...  ดารากร