ปัญญาประดิษฐ์ ในมือคนที่ไม่มีปัญญา

ปัญญาประดิษฐ์  ในมือคนที่ไม่มีปัญญา

วันนี้บางคนเชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์ จะมาแย่งงานของคนไปมากมายในอนาคต บางคนยิ่งทำให้ดูเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขนาดว่าวันหน้าปัญญาประดิษฐ์จะยึดครองโลก

แต่น่าจะสบายใจหรือกลุ้มใจมากขึ้นไม่ทราบได้ หากจะบอกว่าปัญญาประดิษฐ์จะมีฤทธิ์เดช ก็ต่อเมื่อถูกใช้โดยผู้มีปัญญาเท่านั้น 

ปัญญาประดิษฐ์ หรือเรียกย่อๆ ว่า เอไอ แตกต่างไปจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทั่วไปตรงที่โปรแกรมทั่วไปนั้น ทำงานตามที่เราบอกขั้นตอนไว้ให้ทำ 

ถ้าจะใช้คิดดอกเบี้ยเงินกู้ ก็ต้องบอกตั้งแต่ให้นำเข้าตัวเลขเงินต้น อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาที่จะคิดดอกเบี้ย ต้องบอกด้วยว่าขั้นตอนคำนวนต้องทำอย่างไรบ้าง ถ้าบอกผิดในขั้นตอนใดขัั้นตอนหนึ่ง การคำนวณก็จะผิดพลาด

 ดังนั้น พอเป็นงานที่ขั้นตอนเยอะแยะไปหมด โปรแกรมทั่วไปก็มีโอกาสผิดพลาดได้มากขึ้น แต่โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์สามารถเรียนรู้การทำงานต่างๆ ได้จากการที่โปรแกรม ศึกษาจากข้อมูลที่ป้อนเข้าสู่โปรแกรมนั้นได้เอง 

แต่ก่อนต้องบอกว่าให้โปรแกรมดูข้อมูลในประเด็นใดบ้าง แต่ในปัจจุบันเก่งขึ้นจนสามารถคิดวิธีทำงานได้เองจากชุดข้อมูลที่เราป้อนเป็นตัวอย่างให้กับโปรแกรมนั้น เหมือนหนึ่งว่าสามารถเรียนรู้ขั้นตอนการทำงานจากการศึกษาประเด็นต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในข้อมูลชุดนั้น โดยเราไม่ต้องไปคอยบอกว่าในข้อมูลชุดนี้ ให้คิดวิธีทำ โดยสังเกตจากประเด็นนั้นประเด็นนี้ 

แต่ก่อนจะให้ช่วยแยกแยะรูปภาพว่าเป็นภาพของนาย ก. หรือนาย ศ. ก็ต้องบอกว่าให้ดูว่าจมูก ปาก คิ้ว คาง ในภาพที่บันทึกไว้ก่อนหน้านั้้น แต่ถ้าเป็นแบบที่เรียนรู้ได้เอง เราแค่เอารูปให้ดู แล้วบอกว่านาย ก. หน้าตาแบบนี้ นาย ศ. หน้าตาเป็นแบบนี้ ต่อไปเจอภาพนาย ก.เมื่อใด ก็จะรายงานทันที 

โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์จะเรียนรู้ได้เองจากข้อมูลหน้านาย ก. และนาย ศ. ว่าแตกต่างกันตรงไหนบ้าง โดยไม่ต้องมีใครมาช่วยแนะนำอะไร 

ปัญญาประดิษฐ์แบบนี้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องมีคนขับ ช่วยพยากรณ์ได้ว่าอากาศเดือนหน้าจะเป็นอย่างไร โดยแค่ได้เห็นข้อมูลอากาศที่เคยสะสมไว้ จะแม่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เลือกให้โปรแกรมได้ศึกษา

ปัญญาประดิษฐ์ เหมือนคนที่เก่งเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยไม่เก่งในเรื่องอื่นๆ 

ปัญญาประดิษฐ์ที่สอนให้ควบคุมรถยนต์ในขณะเดินทาง จะไม่รู้วิธีแยกแยะว่าภาพไหนเป็นนาย ก. หรือนาย ศ. และปัญญาประดิษฐ์จะเก่งเรื่องไหนได้เฉพาะเมื่อมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องไหน ที่เลือกสรรมาอย่างดีว่าจะเป็นตัวอย่างให้เอไอใช้คิดวิธีการนั้นได้อย่างมีประสิทธิผล 

ถ้าเลือกข้อมูลไม่ดี ขีดความสามารถของเอไอในเรื่องนั้นก็จะไม่มี ทำงานเรื่องนั้นเมื่อใดก็ล้มเหลวเมื่อนั้น เหมือนผู้ใหญ่ทำตัวแย่ๆ ให้เด็กดู เด็กจะรู้แต่ว่าทำตัวแย่ๆ นั้นเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าทำดีเป็นอย่างไร 

เอไอในมือคนไร้ปัญญาจึงแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะไม่มีปัญญาจะเลือกสรรชุดข้อมูลที่เหมาะสมในเรื่องนั้น ไปให้เอไอใช้เรียนรู้วิธีทำ

ก่อนที่ปัญญาประดิษฐ์จะถูกฝึกให้เก่งในเรื่องใด ก็ต้องให้คนเรานี่แหละเป็นคนคิดว่าเอไอจะมาช่วยเรื่องไหนได้ และคนต้องคิดขึ้นมาก่อนว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากการใช้เอไอในเรื่องนั้น ถ้าไม่รู้ว่าจะใช้เอไอไปทำอะไร เพื่อให้ได้ประโยชน์อะไร โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ที่มีอยู่นั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร เหมือนกับที่เรามีเครื่องมืออะไรสักอย่างหนึ่ง แต่เราไม่รู้ว่าจะใช้เครื่องมือนั้นทำอะไรดี มีก็เหมือนไม่มี

ดังนั้น เอไอในมือคนที่ไม่มีปัญญาที่จะบอกว่าจะใช้เอไอทำอะไร ย่อมไม่มีอะไรที่น่ากลัว นอกเสียจากกลัวเสียเงินไปเปล่าๆ เท่านั้น 

หากต้องการเป็นผู้บริหารร่วมสมัยดิจิทัล อย่างน้อยขอให้เรียนรู้สักหน่อยว่าในงานที่ทำอยู่นั้น ตรงไหนบ้างที่เป็นงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลปริมาณมากๆ ข้อมูลที่หลากหลาย ข้อมูลที่ต้องใช้ความชาญฉลาดของมนุษย์ในการวิเคราะห์หาคำตอบ โดยที่เราบอกไม่ได้ว่าขั้นตอนการวิเคราะห์จะเป็นอย่างไร แต่เห็นข้อมูลแล้วเราตอบได้แทบจะทันที 

งานแบบนี้แหละที่ควรสอนให้เอไอมาช่วยทำงาน การตรวจสอบตัวถังรถยนต์ก่อนส่งขาย เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เข้าข่ายนี้ ถ้าสอนให้เอไอแยกแยะออกว่าตรงไหนเรียบร้อย ตรงไหนที่บกพร่อง การตรวจสอบจะรวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น และเหลือเวลาให้ช่างซ่อมจุดบกพร่องได้นานขึ้น แทนที่จะเสียเวลามากมายไปกับการตรวจสอบ

ปัญญาประดิษฐ์ จะได้ประโยชน์ ต่อเมื่อ อยู่ในมือของผู้ทรงปัญญาเท่านั้น