บอริส จอห์นสัน: รมต. โฉ่งฉ่างจากแดนผู้ดี

บอริส จอห์นสัน: รมต. โฉ่งฉ่างจากแดนผู้ดี

ปะหน้า บอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ที่กรุงเทพฯ เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สัมผัสได้ถึงความโผงผาง และคล่องแคล่วของความเป็นนักการเมือง

ผสมกับประสบการณ์ของการเคยเป็นนักหนังสือพิมพ์มาก่อนอย่างโชกโชน

ว่ากันว่าเขาคือ ตัวเก็ง เป็น นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในวันข้างหน้าหาก นายกฯเทเรซา เมย์ เกิดพลาดท่าเสียทีทางการเมืองทางใดทางหนึ่ง

เขาไม่ลืมที่จะบอกคนไทยว่า เพื่อนร่วมชั้นกับเขาที่มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดคนหนึ่งชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งได้เป็นนายกรัฐมนตรีก่อนเขาแล้ว

บอริส จอห์นสัน: รมต. โฉ่งฉ่างจากแดนผู้ดี

นายจอห์นสันแวะมาเมืองไทย หลังจากเยือน บังกลาเทศ และ เมียนมา เพื่อติดตาม สถานการณ์ชาวโรฮิงญา ที่กำลังจะอพยพกลับมายะไข่ของเมียนมา 

เขาไปเยือนค่ายผู้ลี้ภัยที่บังกลาเทศแล้วบอกว่า สภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่มาก ไม่มีใครอยากจะมีชีวิตอย่างนั้นแน่นอน จึงเสนอกับอองซาน ซูจีว่า ควรจะให้สหประชาชาติมาช่วยเป็นผู้ประสาน และกำกับดูแลการอพยพกลับบ้านของชาวโรฮิงญา

แน่นอนว่าผู้นำเมียนมาคงไม่ปลื้มกับข้อเสนอเช่นนั้น เพราะเท่ากับไม่ไว้วางใจประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่เมียนมา ที่จะให้ชาวโรฮิงญา (ที่รัฐบาลพม่าเรียก “ชาวเบงกาลีหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย”) ย้ายกลับมาอยู่ในเมียนมา 

เหมือนกับที่ผู้นำไทยคงไม่ปลื้มนักกับที่นายจอห์นสันให้ความเห็นว่า ควรจะมีการเลือกตั้งในประเทศไทยไม่เกินต้นปีหน้า (ในการแถลงข่าวของทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศไทยและอังกฤษ ไม่มีการพูดอะไรชัดเจนอย่างนี้ แต่จอห์นสันบอกผมระหว่างสนทนาในงานเลี้ยงในวันเดียวกันว่าเช่นนั้น)

ดูเหมือนว่าจอห์นสันจะพยายามไม่พูดเรื่องละเอียดอ่อนเหล่านี้ให้เจ้าของบ้านโกรธเคืองอะไรมาก แตะประเด็นเหล่านี้ผ่าน ๆ ไปให้เห็นว่า ได้ยกเรื่องนี้มาพูดกับผู้นำประเทศต่าง ๆ แล้ว แต่จะมีความคืบหน้าหรือไม่อย่างไรเป็นเรื่องของแต่ละประเทศ

ความจริงเป้าหมายหลักของการมาเยือน 3 ประเทศในเอเชียของเขา คงจะเป็นการตอกย้ำความสำคัญของสหราชอาณาจักรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่อังกฤษกำลังเจรจารายละเอียดการหย่าร้างกับสหภาพยุโรป

ต้องไม่ลืมว่านักการเมืองพูดจาโฉ่งฉ่างคนนี้ (มีคนรักและชังพอ ๆ กัน) เป็นหนึ่งในตัวตั้งตัวตีที่ให้อังกฤษผละจากสหภาพยุโรปที่เรียกว่า Brexit ดังนั้นจึงถือว่าเขาเป็นสมาชิกพรรคอนุรักษนิยมของอังกฤษที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่ง

จอห์นสันมาเมืองไทยครั้งนี้ต้องการจะย้ำถึงความสัมพันธ์เก่าแก่ระหว่าง 2 ประเทศ และย้ำถึงการที่อังกฤษต้องการจะเป็นประเทศที่คบหากับทุกคนในโลกโดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน

เพราะเขาตระหนักดีว่าบทบาทของอังกฤษในย่านนี้ยังเบาบางเมื่อเทียบกับอเมริกา จีน และ สหภาพยุโรป

ยิ่งเมื่ออังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปแล้วก็ยิ่งจะต้องสร้างความชัดเจนในความสัมพันธ์ทวิภาคีกับไทยและอาเซียนอื่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดอาการชะงัก

ไม่มีคำถามตรง ๆ ถึงรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษระหว่างการสนทนาที่งานเลี้ยง ณ สถานทูตอังกฤษแถวเพลินจิต (ที่จอห์นสันในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศเพิ่งลงนามอนุมัติให้ขายที่ดินผืนที่สองให้กับกลุ่มเซ็นทรัลและฮ่องกง แลนด์) ว่าด้วยข่าวคราวที่ว่าอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้ขอลี้ภัยทางการเมืองที่ประเทศนั้น

แต่เมื่อผมถามเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถานทูตถึงเรื่องนี้ เขากระซิบว่า “ใช่ครับ มีการสอบถามจากคุณยิ่งลักษณ์เรื่องนี้ แต่ถึงวันนี้ยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ จากรัฐบาลอังกฤษครับ”

ผมถามจอห์นสันว่าที่เขาไว้ผมยุ่ง ๆ อย่างนั้นเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของบุคลิกแปลก ๆ ใช่หรือไม่

นี่ผมอุตส่าห์ตัดผมสั้นให้ดูเรียบร้อยขึ้นแล้วน่ะ”! จบข่าว