แจ็ค หม่า: โลกเจ๊งแน่ ถ้าเกิดสงครามการค้า!

แจ็ค หม่า: โลกเจ๊งแน่ ถ้าเกิดสงครามการค้า!

เมื่อวานผมเขียนถึงความเป็นไปได้ที่ทรัมป์ จะเปิด “สงครามการค้า” (trade war) กับชาวโลกเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย America First ของผู้นำสหรัฐ

ในจังหวะเดียวกัน แจ็ค หม่า เจ้าของ Alibaba ก็ประกาศว่าเขากลัวสงครามการค้ามาก เพราะมันจะทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่วโลก

แจ็ค หม่า: โลกเจ๊งแน่ ถ้าเกิดสงครามการค้า!

แจ็ค หม่าใช้เวที World Economic Forum (WEF) หรือเวทีเศรษฐกิจโลกที่ดาวอสนี่แหละเตือนสหรัฐ (แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อทรัมป์อย่างเปิดเผยก็ตาม)ว่า

อย่าใช้การค้าเป็นอาวุธเปิดสงคราม ควรใช้การค้าเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาของโลกมากกว่า”

อภิมหาเศรษฐีจีนคนนี้ คงเห็นเค้าลางแห่งสงครามการค้าที่ทรัมป์กำลังทำให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้นแล้ว ด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศหลายอย่างเริ่มด้วยเครื่องซักผ้าและแผงไฟฟ้าแสงอาทิตย์

รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ วิลเบอร์ รอสส์ ประกาศที่ดาวอสอย่างไม่เกรงใจว่า สหรัฐพร้อมจะทำสงครามการค้า

ความจริงเราอยู่ในภาวะสงครามการค้ามาระยะหนึ่งแล้ว ต่างกันเพียงแต่ว่าตอนนี้นักรบการค้าของสหรัฐระดมพลมาพร้อมแล้ว”

แน่นอนว่าบรรดาซีอีโอระดับโลกที่ไปรวมตัวประจำปีที่ดาวอสของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ย่อมจะต้องเกิดความกังวลอย่างยิ่งหากมหาอำนาจอย่างอเมริกาเริ่มทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกเร เอาประโยชน์ของตนเป็นหลัก และพร้อมจะเปิดศึกกับประเทศต่างๆ ที่สหรัฐอ้างว่าเสียดุลการค้าเพราะถูกเอารัดเอาเปรียบมาตลอด

แจ็ค หม่ายืนยันว่า “โลกาภิวัตน์” หรือ globalization เป็นเรื่อง “ดีสุดยอด” เพราะทำให้ทั้งโลกได้ประโยชน์ และหากจะมีผลข้างเคียงทางลบบ้างก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา

เขาบอกว่า “การประกาศสงครามการค้าเป็นเรื่องทำได้ง่าย แต่การยุติสงครามการค้าเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง บอกตรง ๆ ผมกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นจริง”

ในความเห็นของเขา หากเกิดสงครามการค้าระดับโลกแล้ว การจะแก้ไขเยียวยาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากมันจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 30 ปี

นั่นย่อมแปลว่ามนุษยชาติจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส หากเกิดการห้ำหั่นทางการค้าเพียงเพื่อจะให้ตัวเองได้ประโยชน์

ในโลกที่หดตายลงเพราะเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วและรุนแรงเช่นทุกวันนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ประเทศใดจะตัดสินใจทำสิ่งที่ตนได้ประโยชน์ทางการค้า โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดกับประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้าโดยตรงหรือทางอ้อมก็ตาม

แต่ดูเหมือนทรัมป์จะไม่สนใจว่านโยบายแข็งกร้าวทางการค้าของเขาจะทำให้เกิดความบาดหมางอย่างรุนแรงและก่อให้เกิดความวุ่นวายปั่นป่วนเพียงใด

แจ็ค หม่าทำนายไว้อย่างน่าสนใจว่าอีกไม่นานสินค้าจะไม่มีการติดป้าย Made in China หรือ Made in America อีกต่อไป

เพราะทุกอย่างจะถูกสร้างบนอินเทอร์เน็ตหมด”

หากทรัมป์เดินหน้าฟาดฟันประเทศต่าง ๆ ทางด้านการค้า สิ่งที่จะตามมาก็คือชาติอื่น ๆ ก็จะต้องรวมตัวกันเพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับสหรัฐ

ข่าวล่าสุดบอกว่า แม้ทรัมป์จะประกาศว่า สหรัฐไม่เอา TPP (Trans-Pacific Partnership) แต่ประเทศอื่น ๆ อีก 10 ชาติที่เคยตกลงว่าจะรวมตัวกันเรื่องการค้า ได้ประชุมกันที่โตเกียวและตกลงกันว่าจะเดินหน้าต่อโดยไม่มีอเมริกา

การประชุมครั้งนี้มีสมาชิกหลักคือญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก ออสเตรเลียและสิงคโปร์ มีมติว่าจะเรียกความร่วมมือที่ทบทวนใหม่ว่า Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership (CPTPP)

นี่คือภาพของการรวมตัวของประเทศที่ไม่อาจจะยอมรับแนวทางแข็งกร้าวทางการค้าของทรัมป์ได้

เห็นหรือยังว่าถ้าทรัมป์เดินหน้าไปอย่างนี้ กลิ่นอายของสงครามการค้าก็จะเริ่มชัดขึ้น!