จะดูวัฏจักรเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นยังไง?

จะดูวัฏจักรเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นยังไง?

ปริพรรห์ ปริยอุดมทรัพย์  ผู้ช่วยผู้จัดการ หน่วยงานแนะนำผลิตภัณฑ์ หลักทรัพย์บัวหลวง

"อนิจจา วต สังขารา ... สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ" เชื่อไหมครับว่า เศรษฐกิจและตลาดหุ้น มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เฉกเช่นเดียวกับทุกชีวิตบนโลก เรื่องนี้ถ้าเป็นทางพุทธศาสนา เป้าหมายสูงสุดก็คือการหยุดวังวนนั้นลง แต่ถ้าเป็นเรื่องการลงทุน เป้าหมายสำคัญก็คือ "เราจะลงทุนในแต่ละวัฏจักรเศรษฐกิจได้อย่างไร?" โดยเศรษฐกิจ และตลาดหุ้น สามารถแบ่งได้เป็น 4 ช่วงเวลา (ดูภาพประกอบ) แต่ด้วยธรรมชาติของตลาดหุ้นที่จะซื้อขายกันบนความคาดหวัง ทำให้เราสามารถจับวัฏจักรการลงทุนได้ โดยดูพฤติกรรมการลงทุนในตลาดหุ้นครับ

จะดูวัฏจักรเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นยังไง?

ระยะถดถอย (Full Recession)

ระยะนี้เป็นช่วงเวลาที่ลงทุนยากมาก เพราะในตลาดจะเต็มไปด้วยข่าวร้าย เป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจ GDP เริ่มชะลอตัว หรือเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง ดอกเบี้ยเริ่มลดลง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำ แต่ตลาดหุ้นช่วงนี้จะอยู่ในช่วง ตลาดขาขึ้น (Bull Market) เพราะนักลงทุนคาดว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นตัว อุตสาหกรรมที่คนจะลงทุนกันในช่วงนี้คือ

เทคโนโลยี : กลุ่มนี้เป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจอยู่แล้ว เพราะถือเป็นกลุ่มที่เป็น Mega Trend มีเรื่องราว มี Story ที่น่าติดตาม กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่ปรับตัวได้ดี ในช่วงที่มีความหวังว่าเศรษฐกิจผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว

อุตสาหกรรม : เมื่อคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว กลุ่มอุตสาหกรรมก็ตามมาเป็นเรื่องปกติ เพราะคนจะคาดว่าการจับจ่ายใช้สอยน่าจะดีขึ้น ส่งผลให้บรรดาผู้ผลิตได้ประโยชน์

วัตถุดิบพื้นฐานของการทำธุรกิจ : จากข้อบนพอคาดว่าการจับจ่ายใช้สอยจะเพิ่ม บรรดาผู้ผลิตก็จะเพิ่มกำลังการผลิต และนั่นย่อมส่งผลให้ความต้องการบรรดาวัตถุดิบพื้นฐานเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะ หิน เหล็ก ไฟ (นี่มันวงดนตรี!) พูดง่าย ๆ คือปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ครับ

ระยะเริ่มฟื้นตัว (Early Recovery)

ช่วงนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและตัวเลขทางเศรษฐกิจต่าง ๆ จะดีขึ้นตามลำดับ อัตราดอกเบี้ยเริ่มนิ่ง บวกกับเงินเฟ้อต่ำ เจ้าประคู้น! มันไม่มีอะไรจะเอื้อตลาดหุ้นได้ดีเท่านี้แล้ว ฉะนั้นช่วงนี้ตลาดหุ้นจะคึกคัก นักลงทุนจะมีความมั่นใจมาก อุตสาหกรรมที่คนจะลงทุนกันในช่วงนี้คือ

อุตสาหกรรม : ต่อเนื่องจากช่วงแรก กลุ่มอุตสาหกรรมจะยังปรับตัวได้ดีอยู่ เพราะกำลังซื้อกำลังฟื้นตัว แต่ก็จะอยู่ในช่วงปลายทางแล้วครับ / พลังงาน : แนวโน้มของการใช้พลังงานที่น่าจะมากขึ้น ทั้งภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ เริ่มใช้พลังงานกันมากขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและ ข้าวของเครื่องใช้

ระยะฟื้นตัวแล้ว (Full Recovery)

ระยะนี้ตัวเลขเศรษฐกิจจะอยู่ในจุดสูงสุด ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มลด กลุ่มอุตสาหกรรมเริ่มโตน้อยลง อัตราดอกเบี้ยจะเริ่มปรับตัวเป็นขาขึ้น ตลาดหุ้นจะเข้าสู่ช่วง Bear Market หรือเริ่มตลาดขาลง และการลงทุนที่ทำกำไรได้ในช่วงนี้คือ

พลังงาน : แรงส่งจากช่วงที่แล้วยังดีอยู่ / ข้าวของเครื่องใช้ : คนยังมีกำลังซื้ออยู่ แต่จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง / การแพทย์  & สุขภาพ : พอตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มพีค ข่าวดีเริ่มน้อยลง คนจะเริ่มมองหาอะไรที่มันชัวร์ ๆ ไว้ก่อน

ระยะเริ่มถดถอย (Early Recession)

ระยะนี้อะไรหลาย ๆ อย่างจะดูแย่ลง ตัวเลขเศรษฐกิจลดลง ความเชื่อมั่นตกต่ำ ตัวเลขการผลิตก็ลดลง อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนจะถึงระดับสูงสุด ตลาดหุ้นช่วงนี้จะเรียกว่าช่วง Market Bottom อุตสาหกรรมที่ปรับตัวได้ดีในช่วงนี้คือ

การแพทย์  & สุขภาพ / สาธารณูปโภค : กลุ่มนี้จะเริ่มเข้ามาในช่วงนี้ เนื่องจากรายได้มั่นคง ได้รับผลกระทบเชิงลบจากเศรษฐกิจน้อย และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ / สถาบันการเงิน : เวลาเศรษฐกิจมีปัญหา การผลิต การบริโภคชะลอตัว หลาย ๆ ฝ่ายจะพยายามกระตุ้นให้เกิดการลงทุน การบริโภค ผ่านการลดดอกเบี้ย และจูงใจให้ขอสินเชื่อกันมากขึ้น

จากสิ่งที่ผมได้บอกไป ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าแต่ละช่วงของวัฏจักร มันจะใช้เวลานานแค่ไหน? สิ้นสุดเมื่อไหร่? บางครั้งในแต่ละช่วงอาจใช้เวลา 5 ปี 10 ปี ก็เป็นไปได้ สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญที่สุด ไม่ใช่การคาดการณ์ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เป็น "คุณจะลงทุนในแต่ละวัฏจักรเศรษฐกิจได้อย่างไร?"