ยักษ์ใหญ่ปรับตัวอย่างไร ในภาวะสึนามิแห่งความเปลี่ยนแปลง

นำไปสู่การหาสูตรสำหรับการอยู่รอดจาก “สึนามิ” แห่งเทคโนโลยีได้อย่างดียิ่ง

สัปดาห์ที่ผ่านมาในรายการ Suthichai Live ผมได้พูดคุยกับคุณสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานบริหาร AIS ได้ความรู้และทิศทางการปรับตัวขององค์กรยักษ์แห่งนี้อย่างดีเยี่ยม

คุณสมชัยเขียนข้อความขึ้น Facebook ให้พนักงานและคนทั่วไปได้รับทราบถึงบทสนทนานี้อย่างน่าสนใจ ผมขอนำเอาบางตอนมาเล่าต่อให้ฟังอย่างนี้ครับ

เมื่อวันพฤหัส ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณสุทธิชัย หยุ่น เกี่ยวกับ “AIS จะปรับตัวอย่างไรท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของเทคโนโลยี”

ผมยังจำได้ว่าคุณสุทธิชัยกับผม พูดคุยกันเมื่อห้าปีที่แล้ว ในเรื่องเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่สามปีที่ผ่านมา สิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ในวันนั้นกลับเกิดขึ้นรวดเร็วมาก จนเราเห็นการล้มหายตายจากของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่ยอมปรับตัวหลายเจ้า

วันที่ผมขึ้นมาเป็น CEO เมื่อสามปีที่แล้ว จึงประกาศทันทีว่าจะเปลี่ยน AIS จากบริษัทโทรคมนาคม Mobile Operator มาเป็น Digital Life Service Provider โดยที่พวกเราหลายคนยังไม่มีความเข้าใจเรื่องดิจิทัลเลยแม้แต่น้อย แม้วันนั้น AIS จะเป็นเหมือนบริษัทใหญ่ในสายตาของหลายๆ คน แต่เราก็ประมาทไม่ได้ครับ ผมคิดว่าองค์กรของเราควรจะเปลี่ยนตอนที่เราแข็งแรงที่สุด

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมันเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีกครับ จากเดิมที่ AIS มีรายได้จากการใช้โทรศัพท์มากที่สุด รายได้ส่วนนี้ลดลงเกินครึ่ง ทุกคนเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมมาเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสาร หรือ Data แทน เพราะฉะนั้น AIS จึงต้องเน้นสร้างแพลตฟอร์มมากขึ้น เพื่อให้ทุกคนหันมาใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ตตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และต้องปรับตัวในการสร้างสรรค์ดิจิทัลให้มากขึ้นด้วย 

อีกทั้งยังต้องพัฒนาบุคลากรของเราให้มีทักษะใหม่ๆผ่าน AIS Academy ให้ทันโลกดิจิทัลมากยิ่งขึ้นด้วย

ก้าวสำคัญต่อจากนี้ไปของ AIS ในปี 2018 เราก็ยังต้องเพิ่มเติมแพลตฟอร์มใหม่ๆ มากขึ้น และที่สำคัญผมประกาศตัวเลยครับว่า AIS จะเป็น Local Content Platform ที่เป็นของประเทศเราจริงๆ เพื่อให้ผู้ผลิตมีสถานที่ให้ปล่อยของ ปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ และได้ผลประโยชน์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เมื่อเข้ามาใช้แพลตฟอร์มของเรา

หลายครั้งผมมักจะพูดถึงการเข้ามาของดิจิทัลว่า เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังเป็น “โอกาส” มากกว่าที่จะเข้ามา “ทำลาย” สำหรับทุกคนที่สามารถปรับตัวได้ดี และเร็วกว่าคนที่ยังอยู่ที่เดิม 

ครั้งนี้ก็เช่นกันครับ มากกว่านั้นสิ่งเหล่านี้ยังเป็นผลดีต่อทั้งคนรุ่นใหม่ และนักลงทุนรายย่อยทั้งหลายที่มีทุนน้อยให้มีโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้นอีกด้วย

บทสนทนาเช่นนี้ช่วยทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน,ซักถาม และวิเคราะห์ร่วมกันในสังคมไทย

เพราะสัจธรรมวันนี้คือ “ความสำเร็จในอดีตไม่สามารถรับรองความสำเร็จในอนาคตได้”