ข่าวดีผู้โดยสาร แอร์พอร์ตลิงก์ ได้นั่งรถใหม่เสียที

ข่าวดีผู้โดยสาร  แอร์พอร์ตลิงก์   ได้นั่งรถใหม่เสียที

อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ วันก่อนเห็น ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

ประกาศรับเคลียร์ปัญหาจัดซื้อรถโดยสารแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 7 ขบวนวงเงิน 4,400 ล้านบาท คงไม่ใช่เพราะอยากจะซื้อของหรืออะไร แต่คงเป็นเพราะต้องการแก้ปัญหาการให้บริการมากกว่า เพราะทุกวันนี้เรียกว่ามีแต่ปัญหาไม่ใช่แค่ตารางเดินรถไม่ตรงเวลา 

 ปัญหาใหญ่ของแอร์พอร์ต ลิงก์ วันนี้น่าจะเป็นเรื่องของ ซ่อมบำรุงขบวนรถให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยมากกว่า โดยเฉพาะการซ่อมบำรุงเครื่องตามวาระหรือ“ OVERHAUL” ปัจจุบันแอร์พอร์ต ลิงก์ มีรถไฟฟ้าแบบธรรมดา 5 ขบวนๆละ 3 ตู้ รถไฟฟ้าด่วน 4 ขบวนๆละ 4 ตู้ เรียกว่าใช้งานมาตั้งแต่ปี2553 มาถึงตอนนี้เป็นเวลากว่า7ปี  ฉะนั้นการซ่อมบำรุงคือหัวใจสำคัญ

สิ่งสำคัญ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร อาจต้องเข้าไปตรวจ เช็คด้วยว่าการซ่อมบำรุงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีการตรวจเช็คตามระยะที่กำหนดหรือไม่ ระยะกิโลเมตรที่ใช้ไปมันเท่าไหร่ รวมทั้งอุปกรณ์ซ่อมบำรุง ทุกอย่างเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้โดยสารทั้งสิ้น  ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไปตำหนิฝ่ายบริหารหรือพนักงานแอร์พอร์ตลิงก์แต่อย่างใด แต่อยากให้ผู้มีอำนาจเข้าไปจัดการอย่างจริงจัง 

ส่วนปัญหาแอร์พอร์ต ลิงก์ เป็นอย่างไร มีหรือไม่ ผู้โดยสารเท่านั้นที่จะบอกได้ ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับการให้บริการแอร์พอร์ต ลิงก์ ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยเขียนอธิบายสรรพคุณการให้บริการ ผ่านโลกออนไลน์ ทุก

แพลตฟอร์ม วิพากษ์วิจารณ์การให้บริการอย่างหนัก  ทั้งการให้บริการที่ไม่ตรงต่อเวลา ปัญหาระบบเดินรถขัดข้อง ระบบจ่ายไฟสถานีมีปัญหา เรียกว่าปัญหาซ้ำซาก ที่เกิดขึ้น ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยมักบ่นเสมอใช้บริการแอร์พอร์ตลิงก์ ต้องทำใจคาดหวังอะไรไม่ได้

ฉะนั้นการที่ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ออกมาประกาศที่จะแก้ปัญหาจัดหารถให้บริการประชาชนในเส้นทางนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อย ชีวิตของผู้โดยสารรถไฟสายนี้ ที่มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ จะได้หมดห่วงต้องโดยสารแบบกล้าๆกลัวสักทีหากสามารถจัดหารถใหม่ได้เชื่อเถอะนอกจากสร้างความปลอดภัยให้ผู้โดยสารแล้ว น่าจะยังช่วยให้บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด มีรายได้ที่ดีขึ้นจากการให้บริการเส้นทางนี้ 

ส่วนปัญหาฟ้องร้องกับเอกชนรายเดิม เชื่อเถอะ..ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ยังไงก็มีทางออกที่ดีร่วมกันได้ แต่ปัญหาใหญ่ตอนนี้ต้องเร่งแก้ปัญหาการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการมากกว่า