มะกันพร้อมคุยกับโสมแดง เรื่อง ‘ลมฟ้าอากาศ’
ท่าทีล่าสุดของสหรัฐ บอกว่าพร้อมจะเจรจากับเกาหลีเหนือ “อย่างไม่มีเงื่อนไขล่วงหน้า แต่ขอให้มีช่วงเวลาสงบเงียบที่เปียงยางไม่ทดลองนิวเคลียร์"
นี่เป็นแถลงการณ์ที่น่าสนใจยิ่งจากรัฐมนตรีต่างประเทศ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ในคำปราศรัยเมื่อวันอังคารที่ Atlantic Council ที่วอชิงตัน
วิเคราะห์ได้ว่าท่าทีของอเมริกาอ่อนลงไปมาก เพราะก่อนหน้านี้เงื่อนไขสำคัญของสหรัฐคือ การเจรจาใด ๆ จะเกิดได้ต่อเมื่อเกาหลีเหนือ ยกเลิกโครงการนิวเคลียร์โดยสิ้นเชิง และจะไม่เจรจากันสองต่อสอง ต้องมีอีก 4 ประเทศที่เคยเป็นสมาชิกของการเจรจา 6 ฝ่ายมาร่วมด้วย นั่นคือจีน รัสเซีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
“เรามาเจอกันก่อนก็แล้วกัน จะคุยเรื่องลมฟ้าอากาศก็ยังได้” ทิลเลอร์สันประกาศเสียงดังฟังชัด
แปลว่าความแข็งกร้าวเดิมของอเมริกาได้อ่อนยวบลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่ไม่แน่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเห็นพ้องกับรัฐมนตรีต่างประเทศของตัวเองมากน้อยเพียงใด
ไม่มีใครรู้ว่าทิลเลอร์สันได้พูดคุยกับทรัมป์ก่อนที่จะเสนอแนวทางการเจรจากับคิมจองอึนอย่างไรหรือไม่
เพราะอย่าลืมว่าทรัมป์เคยเขียนในทวิตเตอร์ว่าบอกว่าทิลเลอร์สัน “ไม่ต้องเสียเวลา” ที่จะหาทางเจรจากับคิมน้อย เพราะผู้นำเกาหลีเหนือคนนี้พูดไม่รู้เรื่อง
และถ้ายังจำได้ ทรัมป์เคยประกาศที่สหประชาชาติว่าถ้าเกาหลีเหนือยังยืนกรานในจุดเดิม สหรัฐก็จะไม่ลังเลที่จะ “ทำลายเกาหลีเหนืออย่างราบคาบ”
นั่นคือประโยคที่ทำให้คิมน้อยตอบโต้อย่างดุเดือดรุนแรง ประกาศว่าถ้าสหรัฐยังข่มขู่คุกคามเกาหลีเหนือก็พร้อมจะเปิดศึกให้รู้ดำรู้แดงกันไป
ทิลเลอร์สันมาไม้ใหม่ น้ำเสียงประนีประนอมมากขึ้น และดูเหมือนจะตัดทอนทิ้งเงื่อนไขเดิม ๆ ออกไปพอสมควร
หรือนี่แปลว่าวอชิงตันพร้อมจะยอมให้เกาหลีเหนือ เป็นรัฐที่มีนิวเคลียร์อย่างที่คิมน้อยเรียกร้องต้องการมาตลอด
ทิลเลอร์สันบอกว่า “เราสามารถคุยกันได้ว่าจะประชุมด้วยโต๊ะสี่เหลี่ยมหรือโต๊ะกลม ถ้าคุณเห็นว่าเป็นประเด็นสำคัญ”
แปลว่ารัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ พร้อมจะเล่นเกมต่อรองกับเกาหลีเหนือแล้ว ขอให้ได้พบกันก่อนเป็นอันใช้ได้
ยิ่งอ่านคำปราศรัยของทิลเลอร์สันก็ยิ่งเห็นว่า อเมริกาถอยร่นอย่างปฏิเสธไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เกาหลีเหนือไม่ได้ลดราวาศอกแต่อย่างใด
ตรงกันข้าม ล่าสุดกลับทดลองขีปนาวุธพิสัยไกลที่พัฒนาก้าวหน้ามากที่สุด ถึงขั้นถึงอ้างว่ายิงไกลถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐแล้ว
โฆษกทำเนียบขาวรีบออกมาบอกว่าจุดยืนของทรัมป์ยังไม่ได้เปลี่ยนแต่อย่างใด
แปลว่ารัฐมนตรีต่างประเทศ “ล้ำเส้น”?
หรือนี่เป็นแผนแบ่งกันเล่นคนละบทบาท ระหว่างประธานาธิบดี กับรัฐมนตรีต่างประเทศมะกัน เพื่อทำให้คิมจองอึนสับสนงงงัน
ก่อนขึ้นกล่าวคำปราศรัย ทิลเลอร์สันบอกนักข่าวว่า พอใจกับความคืบหน้าที่ประเทศต่าง ๆ ได้ช่วยกันกดดันเกาหลีเหนือเพิ่มเติม ตามมติคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ
เขาบอกว่าอย่างน้อย 22 ประเทศ ได้ส่งนักการทูตเกาหลีเหนือกลับบ้าน เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของการกดดันเปียงยาง
แม้โดยภาษาทางการแล้ว ทิลเลอร์สันบอกว่า จะไม่ยอมรับผลการเจรจาใดที่จบลง ด้วยการให้เกาหลีเหนือยังมีอาวุธนิวเคลียร์แต่น้ำเสียงก็อ่อนลงไปเยอะแล้ว
“เกาหลีเหนือต้องหาทางเลือกที่แตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ถ้าหากต้องการจะให้การเจรจาดำเนินต่อไป” รมต. ต่างประเทศสหรัฐบอก
และก็ยังสำทับว่า “กองทัพของเราแข็งแกร่งอยู่แล้ว ถ้าเกาหลีเหนือเลือกทางที่ผิด เราก็พร้อม”
คำปราศรัยของทิลเลอร์สันมีขึ้นไม่กี่วัน หลังจากนายเจฟฟรีย์ เฟ็ลท์แมนในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายการเมืองเพิ่งกลับจากไปเยือนเกาหลีเหนือ
เขากลับมาพร้อมกับข้อสรุปว่า “ไม่อาจจะประเมินว่าผลการพูดจากับเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือจะออกมาอย่างไร”
บอกได้เพียงว่า “เราได้เปิดประตูไว้และหวังอย่างยิ่งว่าจะนำไปสู่การเจรจาเพื่อหาทางออกอย่างจริงจัง”
ข่าวกรองบอกว่านายโจเซฟ ยุน ทูตพิเศษของสหรัฐ ว่าด้วยกิจการเกาหลีเหนือ ได้นัดหมายกับเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือที่เชียงใหม่ในจังหวะนี้เหมือนกัน
ความเคลื่อนไหวคึกคักด้านการทูตย่อมจะเป็นข่าวดี มากกว่าการจับตาว่าเกาหลีเหนือจะทดลองขีปนาวุธครั้งต่อไปเมื่อใด!