แค่ 31 ก็เป็นนายกได้

แค่ 31 ก็เป็นนายกได้

"อายุเป็นเพียงตัวเลข" เคยเป็นวลีปลอบใจของผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันกลายเป็นวลีท้าทายของคนอายุน้อยไปแล้ว

เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมานี้ โลกมีนายกรัฐมนตรีอายุเพียง 37 ปี จากนิวซีแลนด์ และ 31 ปี จากออสเตรีย ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถิติโลกปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่อาจลบล้างสถิติโลก ที่อังกฤษเคยทำไว้โดยมีนายกรัฐมนตรีอายุเพียง 24 ปี เท่านั้นเมื่อกว่า 200 ปี มาแล้ว 

Sebastian Kurz หนุ่มวัย 31 ปี หัวหน้าพรรค Austrian People’sParty (เรียก ย่อว่า ÖVP) ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพียง 5 เดือน ก่อนเลือกตั้งใหญ่กลางเดือนต.ค.ลาคม 2017 เนื่องจากหัวหน้าพรรคคนเก่าลาออกกะทันหัน และพรรคเชื่อมั่นว่าเขาจะนำพรรคไปสู่ชัยชนะได้ที่นั่งมากที่สุดในสภาล่าง(National Council)ซึ่งมีที่นั่งรวม183 และเขาก็สามารถทำได้คือชนะ 62 ที่นั่ง 

พรรครองมาคือพรรคSocial Democratic Party(SPÖ)ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้าย ได้ 52 ที่นั่ง และพรรคใหญ่อีกพรรคคือFreedom Party of Austria (FPÖ)ได้ 51 ที่นั่ง และในที่สุดในฐานะหัวหน้าพรรคที่ได้ ส.ส. มากที่สุด เขาประกาศว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคFPÖซึ่งเป็นพรรคขวา (จัด) ทั้งสองพรรครวมที่นั่งกันเกินกว่า 92 ซึ่งเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของ ส.ส. ในสภาล่างKurz จึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี (chancellor)ของออสเตรียคนใหม่ และเป็นผู้นำที่มีอายุน้อยที่สุดในปัจจุบัน 

สามพรรคใหญ่มีประวัติย้อนหลังไปถึงปี 1945 หลังแพ้สงคราม ทั้งสามผลัดกันเป็นรัฐบาลเดี่ยวบ้าง ร่วมรัฐบาลกันบ้าง สลับพรรคไปมาหลายครั้งหลายหน พรรคÖVPของKurtzเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมเอียงขวา ในขณะที่SPÖนั้นเป็นพรรคซ้ายตามอุดมการณ์สังคมนิยม ส่วนFPÖนั้นอยู่ทางขวาชัดเจน

Kurtz เรียนไม่จบปริญญา เขาเรียนกฎหมายที่University of Viennaอยู่ 7 ปี ก่อนที่จะ เลิกเรียนและหันมาเล่นการเมืองโดยเป็นยุวชนของพรรค ÖVP เขาโดดเด่นในด้านสติปัญญา ความสามารถในการสื่อสาร การตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นคนที่สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน ให้เกียรติคนอื่น จนเป็นคนมีเสน่ห์ ทะลุจากระดับเยาวชนขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเมื่อมีอายุ27 ปี และมีผลงานเป็นที่ชื่นชอบของคนออสเตรียและคนยุโรป

เขาเป็นผู้จัดให้มีการเจรจาระหว่างนานาประเทศกับอิหร่าน ในเรื่องปัญหาระเบิดนิวเคลียร์จนมีการลงนามข้อตกลงกันในปี 2015 ที่กรุงเวียนนา นอกจากนี้ก็มีบทบาทระดับ EU ในเรื่องเกี่ยวกับผู้อพยพ ผู้ก่อการร้าย สันติภาพ ฯลฯ 

 สิ่งที่ผลักดันเขาขึ้นไปเหนือนักการเมืองสูงวัยกว่าก็คือ การเป็น Wonderkid หรือ Wunderwuzzi หรือ “เด็กมหัศจรรย์” ในสายตาของสมาชิกพรรคÖVPและประชาชนออสเตรีย ซึ่งมีจำนวนประมาณ 8.8 ล้านคน

Kurz รีแบรนด์ พรรคÖVP ให้เป็นพรรคฝ่ายขวาสมัยใหม่ที่ต้องการควบคุมการอพยพเข้ายุโรปครั้งใหญ่ของมุสลิมจากซีเรีย และกำกับบทบาทของมุสลิมในประเทศซึ่งมีถึงกว่า 400,000 คน 

นโยบายของเขาโดนใจชาวออสเตรียฃึ่งมีความกังวลใจอยู่มาก เนื่องจากเกรงว่าจะเกี่ยวพันกับการก่อการร้าย เขาขยับพรรคให้ออกไปทางขวามากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน 

เขาผลักดันกฎหมาย “Islam Act” ในปี2015 ควบคุมการไหลของเงินจากต่างประเทศมาสร้างสุเหร่า ควบคุมมิให้กลายเป็น “อิสลามการเมือง” เขาไปไกลขนาดสนับสนุนการห้ามสตรีมุสลิมคลุมผ้า ไม่ให้เงินช่วยเหลือผู้อพยพมากเหมือนที่เคย และบังคับให้ทำงานมากกว่ารับสวัสดิการอย่างเดียว เขากล่าวว่ามุสลิมในออสเตรียควรอ่านเฉพาะคัมภีร์อัลกุรอานภาษาเยอรมันที่รัฐบาลตรวจสอบแล้วเท่านั้น

Kurz พยายามสร้างภาพของ ขวาใหม่ด้วยการใช้ภาษาที่ไม่รุนแรงเพื่อเรียกร้องความนิยมข้ามพรรคจากคนทุกวัย 

 เขาต้องการหยุดการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด (เขามีบทบาทสำคัญระหว่างประเทศในการปิดเส้นทางที่เรียกว่าBalkan route ที่ผู้อพยพผิดกฎหมายใช้เข้ายุโรป ในปี 2016) เขาแย่งประเด็นหาเสียงของพรรคFPÖ และเอามานำเสนอในรูปแบบที่ประชาชนทั่วไปยอมรับได้ ชนิด ลีลาแตกต่างกันโดยน้ำยาไม่เปลี่ยนแปลง 

มาดขอ งKurz รวมทั้งหน้าตาและการพูดจา ทำให้เขาเป็นดาราเด่นของพรรค เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศอยู่ 4 ปีอย่างได้รับการยอมรับอย่างมากจากเพื่อนในEU และทั้งหมดนี้ผลักดันให้คนอายุเพียง 31 ปี ที่มีประสบการณ์และความสามารถได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยของโลกตะวันตก

31 ปี ถือว่ายังไม่มาก ถ้าเทียบกับ William Pitt The Younger (สร้อยสองคำท้ายเพื่อให้รู้ว่าเป็นผู้ลูก เพราะพ่อของเขาชื่อเดียวกันก็เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเช่นกัน) ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย 

 ครั้งแรกได้เป็นนายกรัฐมนตรีตอนอายุ 24 ปี (ค.ศ. 1783) โดยเป็น ส.ส. มาก่อน 2 ปี ตอนเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นักการเมืองรุ่นเดอะหัวเราะเยาะว่าเด็กเมื่อวานซืนจะเป็นได้ กี่น้ำ แต่ปรากฏว่าเขาได้เป็นอยู่นานถึง 18 ปี (ค.ศ. 1783-1801) ฝากผลงานในช่วงเริ่มปฏิวัติอุตสาหกรรม สงครามกับนโปเลียน การบริหารงานของจักรภพอังกฤษ ฯลฯ ไว้อย่างประทับใจคนอังกฤษ 

 สมัยที่สองเขาได้เป็นระหว่าง ค.ศ. 1804-1806 โดยเสียชีวิตในหน้าที่

สำหรับประเทศไทย นายกรัฐมนตรีที่ได้เป็นในวัยต่ำกว่า 50 ปี ได้แก่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม (อายุ 41 ปี) พระยาพหลพลพยุหเสนาและ ดร.ปรีดี พนมยงค์ (อายุ 46 ปี) อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (อายุ 44 ปี) 

ส่วนกรณีที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ (อายุ 51 ปี เสียชีวิตในวัย 55 ปี) อานันท์ ปันยารชุน (59 ปี) ชวน หลีกภัย (อายุ 54 ปี) และทักษิณ ชินวัตร (52 ปี)