จาก ‘ก้าวคนละก้าว’ สู่ Run for World Peace? ***
มีคนส่งรูปนี้มาให้ผม ขอให้ผมวิเคราะห์ใน Suthichai Live ในโซเชียล มีเดียซึ่งผมก็ทำไปแล้วเมื่อวานนี้
แม้จะเป็นภาพตัดต่อด้วยอารมณ์ขัน แต่ผมเห็นแล้วก็เกิดแรงบันดาลใจทันทีเหมือนกันครับ
ใครจะว่าผมเพี้ยนก็ไม่เป็นไร แต่ถ้า “ปรากฏการณ์ตูน” ของไทยเราสามารถนำไปสู่การคิดสร้างกิจกรรมลักษณะคล้ายกันเพื่อให้เกิดสันติภาพโลก, ทำไมเราจึงไม่กล้าคิดใหญ่?
ผมเขียนเสนอในคอลัมน์นี้มาหลายครั้งว่าอาเซียนควรจะเล่นบทเป็น “คนกลาง” หรือ “คนไกล่เกลี่ย” ระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือ และไทยเราก็เคยเชิญเกาหลีเหนือมาร่วมการพูดคุยในเวที ARF (Asean Regional Forum) ที่เป็นเวทีสำหรับการพูดคุยเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคนี้แล้ว
หากอาเซียนยังเห็นไม่ตรงกันเรื่องนี้ ไทยเราเองก็น่าจะทำอะไรได้มากไปกว่าเพียงให้โดนัลด์ ทรัมป์กดดันให้ทำโน่นทำนี่โดยที่ไม่มีอะไรรับรองว่าคิมจองอึนจะยอมระงับยับยั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์แต่อย่างใด
ผมคิดของผมเล่นๆ (แต่ควรจะทำจริง) ว่าหากไทยเราเสนอจัดให้วิ่งมาราธอนคล้ายๆ กับ “ก้าวคนละก้าว” ของตูน บอดี้สแลมในไทยเราในเกาหลีก็อาจจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดความสำนึกในการหลีกเลี่ยงสงครามรอบใหม่ได้
ผมคิดของผมเองว่าถ้าจัด Toon Run for World Peace ได้ ก็อาจจะจัดให้มีการวิ่งจากจุดใต้สุดของเกาหลีใต้ไปสิ้นสุดที่สุดเหนือสุดของเกาหลีเหนือ ผ่านเส้น “เขตปลอดทหาร” หรือ Demilitarized Zone (DMZ) ที่ 38 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเลิกการแบ่งประเทศเกาหลีเป็นสองส่วนหลังสงครามเกาหลีที่ระงับไปเมื่อปี 1953 (แต่ยังไม่มีข้อตกลงสงบศึกอย่างเป็นทางการถึงวันนี้)
หรือไม่ก็อาจจะให้โดนัลด์ ทรัมป์มาเริ่มวิ่งจากจุดใต้สุดของเกาหลีใต้กับนักวิ่งและผู้เข้าร่วมจากทั่วโลก ส่วนคิมจองอึนให้ไปเริ่มวิ่งที่จุดเหนือสุดของเกาหลีเหนือ ให้ทั้งสองฝ่ายมาเจอกันตรง DMZ เพื่อประกาศความพร้อมที่จะพูดจากันเรื่องสันติภาพสำหรับคนเกาหลี
ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมส่งข้อความนี้ไปให้อ่านบอกว่า “ถ้าทำอย่างนั้นได้ ก็พูดถึงเรื่องรวมชาติเกาหลีกันได้เลย!”
อาจจะมีคนเห็นว่านี้เป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ซึ่งก็อาจจะเป็นเช่นนั้นหากทรัมป์กับคิมน้อยยังยืนยันจะเผชิญหน้ากันต่อไป
แต่ทุกวันนี้ดูเหมือนจะไม่มีทางออกใดไม่ว่าจะเสนอโดยฝ่ายไหนที่จะทำให้คนทั้งโลกเบาใจได้ว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดสงครามได้
ภาพที่ตบแต่งเล่นๆ ให้ “พี่ตูน” กับ “พี่คิม” กอดคอกันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสในภาวะที่โลกกำลังเครียดกับวิกฤตในคาบสมุทรเกาหลีอย่างน้อยก็ให้รอยยิ้มเล็กๆ สำหรับผู้ที่ได้เห็นอย่างผม
และทำให้คิดต่อยอดไปตามประสาคนที่ยังมีความหวังว่าท้ายที่สุดแล้วผู้นำทุกประเทศก็รู้ว่าหากไม่หาทางหลีกเลี่ยงสงคราม, ประชาชนของตนก็จะประณามตน และประวัติศาสตร์ก็จะจารึกให้เป็นผู้ทำลายล้างมนุษยชาติ
ผมจึงเสนอเล่นๆ ให้คิดกันจริงๆ ครับ
/////
*** ชื่อเต็มเรื่อง :
จาก ‘ก้าวคนละก้าว’ สู่
Run for World Peace?
(พูดเล่น ๆ ให้คิดจริง ๆ)